‘ร้านอาหาร’ ส่งจดหมายร้องนายกฯ เสียหาย 1 แสนล้าน กระทบแรงงาน-เกษตรจากคำสั่งห้ามนั่งกินในร้าน

‘สมาคมภัตตาคารไทย’ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเรียนประเด็น กทม. สั่งห้ามนั่งกินในร้าน ทำร้านอาหารเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท กระทบหลายต่อถึงผู้ประกอบการ-ลูกจ้าง-ภาคการเกษตร พร้อมระบุร้านอาหารไม่ใช่ต้นตอเชื้อ มีมาตรการควบคุมถูกต้อง

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่ออธิบายถึงผลกระทบจากแนวคิดห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าอาจจะส่งผลกระทบมูลค่าธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทต่อปีสูญหายไปกว่า 1 แสนล้านบาทและส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นห่วงโซ่

โดยนอกจากผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนจากการสั่งห้ามรับประทานภายในร้านและให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น ภาคแรงงานและภาคสินค้าเกษตรก็จะได้รับผลกระทบจากคำสั่งเช่นกัน เพราะร้านอาหารต้องใช้วัตถุดิบจากภาคเกษตรกรจำนวนมหาศาล รวมถึงจะส่งผลต่อการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและการจ่ายประกันสังคมของรัฐเช่นกัน

“เรารู้สึกคับแค้นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสาเหตุของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นจากบ่อน สถานบันเทิง ไม่ใช่ร้านอาหารที่ปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รัฐควรไปจัดการตรงนั้น เพราะหากให้ลูกค้าซื้อกลับบ้าน ไม่สามารถนั่งรับประทานที่ร้านได้ นอกจากยอดขายจะลดลง ยังอาจทำให้แรงงานในระบบหลายล้านต้องตกงานไปด้วย เพราะธุรกิจคงอยู่ไม่ไหว เมื่อรายได้ กำไรลดลง”

ทางสมาคมฯ ยืนยันว่า ธุรกิจร้านอาหาร ตั้งแต่ระดับภัตตาคารและร้านอาหารขนาดเล็ก รวมไปถึงร้านอาหารตามริมข้างทางได้ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสแกนแอปฯ ไทยชนะ การจัดจุดคัดกรอง จนไปถึงการทำความสะอาดและการดูแลลูกค้าโดยรวม

พร้อมเน้นย้ำว่าการระบาดโควิด-19 ครั้งนี้ ไม่ได้มีต้นตอมาจากร้านอาหาร แต่มาจากกลุ่มธุรกิจที่ผิดกฎหมายและไม่ปฎิบัติตามมาตรการสาธารณสุข  ทางสมาคมฯ จึงใคร่ขอความกรุณานายกรัฐมนตรีและคณะ ศบค. ได้ช่วยพิจารณาไม่ออกมาตรการห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหาร​ โดยให้ร้านอาหารสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติดังเดิม

เบื้องต้นสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยแจ้งต่อสมาคมฯ ว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในวันที่ 6 ม.ค. นี้

ขอบคุณภาพจาก Alex Paganelli on Unsplash