ไทยซัมซุงเผย ยอดเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมี่ยมโต 2 เท่า โควิดทำคนอยากรื้อการตกแต่งบ้านใหม่

ในงาน Samsung Live a New Day บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เผยยุทธศาสตร์ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ ผลจากการล็อกดาวน์ช่วงโรคระบาด ทำให้คนต้องการเพิ่มประสบการณ์การอยู่บ้านให้ดูหรูหรา มีความเป็นสมาร์ทโฮมมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มพรีเมี่ยมของ Samsung โตสูงขึ้นสองเท่า

โดยตลาดสมาร์ททีวีปีที่ผ่านมา ลูกค้าสนใจทีวีจอใหญ่มากขึ้น สัดส่วนหน้าจอตั้งแต่ 65 นิ้วขึ้นไป เติบโตขึ้น 1.5 เท่า ทีวีพรีเมียมยังคงเติบโตสูง โดยในปี 2565 ยอดขาย Samsung Neo QLED ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่หลักแสนบาท มีการเติบโตขึ้น 3 เท่า และเฉพาะ Neo QLED 8K เติบโตถึง 4 เท่า

ส่วนสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ทีวี อย่าง The Frame, The Serif, The Sero และ The Freestyle (โปรเจกเตอร์ฉายผนัง) ซึ่งเป็นสินค้าเหมาะกลับคนที่อยู่คอนโด มีพื้นที่จำกัด มียอดโต 2 เท่า และจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ Samsung ไทยจะพยายามสื่อสารการตลาดในไทยมากขึ้น 

ส่วนกลุ่มเครื่องเสียง เช่น Soundbar รวมไปถึง Sound Tower ก็มียอดขาย เติบโต 1.5 เท่า 

สุวิณ โกษีอำนวย ผู้อำนวยการธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เผยด้วยว่า ตามปกติแล้วช่วงฟุตบอลโลก สินค้ากลุ่มทีวีจะมาแรงและเป็นฮีโร่ สามารถโตได้ 25-30% แต่ในปีที่ผ่านมีความติดขัดเรื่องการถ่ายทอดสด ยอดไม่โตเท่าที่คาดหวัง แต่ก็ยังถือว่าโตอยู่ 

ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ในภาพรวมเติบโต 5% กลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นเติบโต 5%  กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (เตาอบไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องฟอกอากาศ) เติบโต 10% โดยเฉพาะกลุ่ม Bespoke ตู้เย็นเลือกสีและการประกอบเองได้ที่ซัมซุงเป็นผู้บุกเบิกตลาด ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกลุ่มพรีเมียมของซัมซุงเติบโตถึง 2 เท่าจากปี 2564

ส่วนเครื่องปรับอากาศ ปีที่ผ่านมาเครื่องปรับอากาศพรีเมี่ยมในกลุ่ม WindFree (ไร้ลมปะทะ) เติบโต 30% ส่วนยอดขายกลุ่ม B2B เติบโตถึง 40%  นางสาวอภิรดี พหลเวชช์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องปรับอากาศ ระบุว่าเป็นผลจาก Pain Point คนใช้เครื่องปรับอากาศที่อาจมีอาการแพ้แอร์ แพ้ลม บวกกับการสื่อสารตามหน้าร้าน ทำให้สินค้ากลุ่ม WindFree ได้รับความสนใจและโตสูง 

นอกจากนี้ คนไทยยังสนใจการทำให้บ้านมีความสมาร์ท โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 3 (72%) สำหรับความต้องการติดตั้งสมาร์ทโฮม รองจากเวียดนาม (84%) และอินโดนีเซีย (81%) 

[ ตั้งเป้าใหญ่ เป็นที่ 1 กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน 3 ปี ]

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้และปีถัดๆ ไป คือไทยซัมซุง จะเป็นที่ 1 กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน 3 ปี เตรียมเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ๆ ในไทยอีกมากมาย ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2566 ที่ 17%, ขยายเวลารับประกันอินเวอร์เตอร์มอเตอร์เครื่องซักผ้าและอินเวอร์เตอร์คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นออกไปเป็น 20 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการรับประกันที่นานที่สุดในตลาดขณะนี้ ส่วนเครื่องปรับอากาศจะขยายระยะเวลารับประกันสูงสุดถึง 10 ปี และเปิดตัวกลุ่มสินค้า  WindFree ใน entry level ทำราคาให้จับต้องได้มากขึ้น จากเดิมจะเป็นสินค้าในกลุ่มพรีเมี่ยมเท่านั้น 

เจนนิเฟอร์ ซอง ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เผยว่า “ซัมซุงยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นและอนาคตที่ยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมทันสมัยและการเชื่อมต่ออัจริยะ และเน้นเรื่องมอบประสบการณ์กลุ่มผลิตภัณฑ์ Bespoke การปรับแต่งเพื่อบ่งบอกตัวตน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสร้างคุณค่าทางจิตใจ ดึงเอกลักษณ์ของเจ้าของออกมาอย่างชัดเจน และตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากที่สุด”