ว่าด้วยหุ้น DELTA จากหุ้นหลักสิบเมื่อไม่กี่ปีก่อน จนตอนนี้ราคาไต่ทะลุ 1,000 บาท หลายคนที่กลัวตกขบวนก็อยากเข้าลงทุน TODAY Bizview ชวนวิเคราะห์ โอกาส และ ความเสี่ยง ในช่วงราคานี้
ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี ราคาหุ้น DELTA ของบริษัท เดลตา อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่า 3,000% จากที่เคยซื้อขายแค่หลักสิบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ราคาหุ้นได้พุ่งทะลุจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,000 บาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าวันถัดมาราคาหุ้นจะย่อตัวลงมาปิดที่ 976 บาทก็ตาม แต่ผลตอนแทนตั้งแต่ต้นปีก็ยังเป็นบวก นักลงทุนที่กลัวตกขบวนอาจจะอยากใช้โอกาสนี้ในการเข้าลงทุน
แต่ราคาหุ้นที่หลุด 1,000 บาทลงมาแล้ว เป็นโอกาสหรือความเสี่ยงกันแน่
หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานในแง่การเติบโตของบริษัทฯ DELTA ก็ยังมีความน่าสนใจ เพราะผลการดำเนินงานนับตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปีล่าสุด (2565) บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง
ปี 2562 กำไร 2,959.96 ล้านบาท
ปี 2563 กำไร 7,101.64 ล้านบาท (เติบโต 139%)
ปี 2564 กำไร 6,699.01 ล้านบาท (ชะลอตัว 5.67%)
ปี 2565 กำไร 15,344.55 ล้านบาท (เติบโต 129%)
จะเห็นได้ว่าภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี DELTA สามารถสร้างการเติบโตของผลกำไรกว่า 5 เท่า คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้นที่ปีละประมาณ 50%
แต่หากมาพิจารณาในมุมของมูลค่าหุ้น (Valuation) อัตราส่วนราคาต่อกำไร (ค่า P/E) ที่ 79-83 เท่า ถือเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง หากเทียบกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 50% ยังไม่รวมกับแนวโน้มการเติบโตข้างหน้าที่อาจชะลอตัวลง จากฐานกำไรที่สูงในปีล่าสุด
นอกจากนี้ DELTA ยังเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนรายย่อย (Free Float) ค่อนข้างต่ำ โดยอยู่ที่ประมาณ 22.35% เท่านั้น ทำราคาหุ้นมีความผันผวนสูง
ยกตัวอย่างเช่น ในเดือน ม.ค. 2564 ราคาหุ้น DELTA วิ่งขึ้นไปแตะ 718 บาท แต่หลังจากนั้น 4 เดือนก็เหวี่ยงลงมาที่ 290 บาท และอีกครั้งในเดือน ก.ย.ปีเดียวกัน ราคาหุ้น DELTA พุ่งแตะ 760 บาท แต่หลังจากนั้น 9 เดือนก็เหวี่ยงลงมาที่ 292 บาท
ประเด็น Free Float ต่ำ ทำให้การลงทุนในหุ้น DELTA มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพราะนักลงทุนอาจขาดทุนหนักๆ ได้ ซึ่งบริษัทฯ เองก็รับรู้ถึงปัญหานี้ จึงมีแผนจะขอผู้ถือหุ้นแตกพาร์ในเดือน เม.ย. เพื่อให้ราคาต่อหุ้นถูกลง นักลงทุนรายย่อยจะได้เข้ามาลงทุนมากขึ้น