การขนส่งข้ามพรมแดนถือเป็นอีกธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะนำเข้าหรือส่งออกสินค้าอะไร ก็ต้องใช้บริการขนส่งข้ามพรมแดนทั้งสิ้น
วันนี้ TODAY Bizview มีโอกาสพูดคุยกับ ‘กฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL ผู้ทำธุรกิจขนส่งทางรถยนต์ครอบคลุม 6-7 ประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย
[ จุดเด่นของการขนส่งทางรถยนต์ ]
การขนส่งทางรถถือเป็นรูปแบบการขนส่งตรงกลางระหว่างทางเรือที่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานและทางเครื่องบินที่ต้นทุนค่อนข้างสูง กล่าวคือ สามารถควบคุมระยะเวลาได้และต้นทุนถูกกว่าการขนส่งทางอากาศ
สินค้าที่ลูกค้าขนส่งส่วนใหญ่คือ อุปกรณอิเล็กทรอนิกส์ แผงโซล่าเซลล์ อะไหล่รถยนต์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากนม (Daily Products) สินค้าแช่แข็ง ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ
จุดเด่นของ ETL เป็นผู้ให้บริการขนส่งทางบกแบบครบวงจร สามารถจัดส่งสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนด โดยบริษัทมีตูคอนเทนเนอร์ขนส่งของตัวเอง ให้บริการขนส่งจากประเทศต้นทางไปยังประเทศปลายทางข้ามพรมแดนต่างๆ ด้วยตัวเอง ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
‘เครือข่ายในแต่ละประเทศทำให้การขนส่งของเรามีประสิทธิภาพและควบคุมเวลาได้ การขนส่งแบบนี้ มีการรายงานสถานะของสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง เรามีคอนมานด์เซ็นเตอร์ที่ควบคุมเวลาการขนส่ง สามารถแจ้งสถานะให้ลูกค้าได้ ลูกค้าก็พึงพอใจ’
[ ฐานลูกค้าและบริการของ ETL ]
ฐานลูกค้าของบริษัทฯ ตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นรายใหญ่ที่ใช้บริการเหมาตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งบริษัทข้ามชาติ ((Multinational Corporations: MNCs) และบริษัทท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศต้นทางคือสิงคโปร์ ลูกค้าต้องการส่งของไปยังประเทศจีน
บริษัทฯ จะนำตู้คอนเทนเนอร์ไปรับสินค้ายังประเทศต้นทางที่สิงคโปร์ ก่อนจะขับรถข้ามผ่านชายแดนสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ลาว เวียดนาม ก่อนจะถึงจีนในที่สุด โดยที่ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวจะไม่ถูกเปิดหรือเปลี่ยน
สำหรับภาพการแข่งขันในตลาด เอ็มดีของ ETL บอกว่า ธุรกิจนี้แข่งกันที่ ‘บริการ’ เพราะมาตรฐานการขนส่งสินค้าต้องเป็นไปตามความต้องการสูงสุดของลูกค้า ซึ่งการขนส่งที่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างยาวจะต้องมีมาตรฐานที่สูงมาก
นอกจากนี้ ระบบไอทีของบริษัทฯ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะต้องแจ้งสถานะให้ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
[ เป้าหมายเชื่อมทวีป ‘ยุโรป-เอเชีย’ ]
เมื่อถามถึงการเติบโตข้างหน้า ETL มองไปที่ตลาดยุโรป โดยบริษัทมีเป้าหมายเชื่อมต่อการขนส่งระหว่างเอเชียและยุโรปเข้าด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการทดลองเชื่อมต่อการขนส่งทางรถและรถไฟไปที่ยุโรปแล้ว
ขณะที่โครงการ One Belt, One Road (OBOR) หรือเส้นทางสายไหมศตวรรษ 21 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนการขนส่งระหว่างเอเชียและยุโรปให้สะดวกมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าช่วงนี้การขนส่งทางยุโรปเงียบไปเพราะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ยังไม่สามารถขนส่งได้จนกว่าจะปลอดภัย 100% สินค้าที่ขนส่งไปส่วนใหญ่ก็มีความคล้ายคลึงกับสินค้าที่จัดส่งในเอเชีย เช่น สินค้าอุปโภคและบริโภค และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
สำหรับการขนส่งทางบกของ ETL แบ่งเป็น 2 แบบคือ 1. การขนส่งแบบเต็มตู้ (Full Container Load: FCL) ซึ่งผู้ใช้บริการจะเป็นลูกค้ารายเดียว และ 2. การขนส่งแบบไม่เต็มตู้ (Less than Container Load: LCL) ซึ่งรวมลูกค้าหลายรายเข้าด้วยกัน
[ แผนการเติบโตหลังเข้าตลาดหุ้น ]
สำหรับแผนในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ ETL ต้องการขยายตลาดขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ซึ่งคาดว่าจะยังเป็นที่ต้องการในอนาคต นำมาสู่การระดมทุนขายหุ้นใหม่ (IPO) ของบริษัทฯ
ปัจจุบันบริษัทฯ ยื่นแบบข้อมูลเสนอขายหุ้น (Filing) แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว คาดว่าภายในไตรมาส 4 ปีนี้จะสามารถเข้าระดมทุนได้
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน คาดว่าส่วนแรกจะนำไปชำระเงินกู้ยืม อีกส่วนจะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ส่วนที่สามจะลงทุนขยายฐานของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แบ่งเป็น การจัดหาอุปกรณ์เพื่อการขนส่งแบบบควบคุมอุณหภูมิ ไม่ว่าจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์แบบเย็น (Reefer Container) รถหัวลาก-หางลากที่จะต้องเพิ่มตามเครือข่ายต่างๆ ในทวีป และการลงทุนอื่นๆ ที่คาดว่าจะสร้างผลกำไร
‘อาหาร การกิน สินค้าอุปโภค-บริโภคของเมืองไทย ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการส่งออกอาหาร ยังมีโอกาสที่จะขยายอีกมาก ระยะสั้นเราจะขยายการเติบโตด้วยการซื้อตู้คอนเทนเนอร์ก่อน โดยคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายใน 5 ปี’
[ คาดการณ์รายได้เติบโตปีละ 30% ]
ปัจจุบันบริษัทฯ มีตู้คอนเทนเนอร์ให้บริการกว่า 400 ตู้ ไซส์ 40-45 ฟุต โดยมีการขนส่งเฉลี่ย 10,000-12,000 ตู้ต่อปี หรือราว 1,200-1,400 ตู้ต่อเดือน
สำหรับสัดส่วนรายได้ ปัจจุบัน ETL มีรายได้หลักมาจากต่างประเทศ 3 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน ซึ่งสัดส่วนของแต่ละประเทศจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 25-35% แล้วแต่ช่วงเวลา
ขณะที่การเติบโต คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องปีละ 20-30% แม้การขนส่งจะมีหลายตัวเลือก ทั้งทางน้ำและทางอากาศ แต่ความต้องการการขนส่งทางบกยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะการขนส่งแบบ Cold Chain
ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกผลไม้ของไทย ซึ่งตลาดเติบโตกว่า 50-100% รวมถึงอาหารแช่แข็งที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิและเวลา ซึ่งการขนส่งทางรถสามารถให้บริการตามที่ลูกค้าต้องการได้
‘ตู้คอนเทนเนอร์ธรรมดายังเป็นโฟกัสหลักของเรา แต่แน่นอนว่า ถ้าเราขยายตู้ Cold Chain ได้ถึง 50% (สัดส่วนรายได้) จะเป็นอะไรที่ดีมาก’
[ ปัจจัยบวก-ลบ ต่อธุรกิจขนส่งทางรถ ]
ส่วนปัจจัยบวกและลบที่อาจส่งผลต่อธุรกิจของบริษัทฯ เริ่มจากสถานการณ์เศรษฐกิจในจีน ซึ่งเป็นผู้เล่นสำคัญของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจเอเชีย ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่ช่วงไฮซีซัน ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงก่อนเทศกาล เช่น ไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ หรือปลายไตรมาส 1 ส่วนที่เหลือระหว่างปี ลูกค้า MNC ของบริษัทฯ จะมีการขนส่งก่อนปิดบัญชีกลางปี เป็นต้น
เมื่อถามถึงเรื่องค่าเงินตอนนี้ที่อ่อนค่าค่อนข้างมาก เอ็มดีของ ETL ยอมรับว่า ค่าเงินเป็นหนึ่งตัวแปรในการทำธุรกิจ แต่บริษัทมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง
เอ็มดีของ ETL กล่าวว่า โลจิสติกส์ถือเป็นธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ไม่ว่าจะส่งออกหรือนำเข้าก็ยังยุ่งอยู่กับโลจิสติกส์ หากรัฐบาลสนับสนุน มีการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงโลจิสติกส์ให้เชื่อมต่อกับสากลได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ก็จะช่วยได้มาก