Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เผยผลสำรวจ ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวโน้มกลับสู่สภาวะการใช้จ่ายปกติ รายจ่ายเพิ่มสูงขึ้นเหตุเพราะ ‘ช้อปปิ้งลดความเครียด’ โดยผู้หญิงมีแนวโน้มจับจ่าย หรืออยากซื้อสินค้าเพื่อความสุขมากขึ้น

วันที่ 1 ต.ค. 2564 สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ร่วมมือกับ บริษัท สไปซี่ เอช จำกัด ลงพื้นที่สำรวจและการคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยประจำเดือน ต.ค. 2564 พบว่า ถึงแม้ความสุขคนไทยต่ำสุดในรอบปี อยู่ที่ร้อยละ 59 โดยลดลงร้อยละ 4 จากเดือนสิงหาคม แต่ความต้องการใช้จ่ายกลับดีดสูงสุดที่ร้อยละ 58

โดยสินค้าหลักยังคงเป็นสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เพื่อลดความเครียดจากการทำงานในช่วงที่ต้องอยู่บ้าน และหาสินค้าเพื่อการปรับตัวและดำเนินชีวิตให้มีความสุขในยุคโควิด อาทิ โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน เครื่องนอน

นางสาวชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยรอบนี้พบว่า ประเด็นที่คนไทยติดตามมากที่สุด ยังหนีไม่พ้นปัญหาและสถานการณ์ของโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อ ซึ่งนับเป็นประเด็นที่สำคัญและส่งผลต่อความสุขของคนไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ ประเด็นที่คนไทยให้ความสนใจไม่แพ้กันคือ มาตรการเยียวยาของทางภาครัฐ แนวโน้มของสถานการณ์ล็อกดาวน์ที่ดูจะคลี่คลายไปบ้าง รวมถึงประเด็นร้อนแรงอย่างเรื่องวัคซีนยี่ห้อต่างๆ ที่จะนำเข้ามายังประเทศไทย อีกทั้งเรื่องความต้องการของชุดตรวจ ATK ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของคนไทย ที่ยังต้องเฝ้าระวังตัวจากโควิด-19

และเพื่อคว้าโอกาสจากพฤติกรรมของผู้บริโภค ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) จึงแนะการเตรียมตัวเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ดังนี้

1.นักการตลาดเตรียมสร้างโอกาสทองจากการ ‘ช้อปเอาคืน’ หลังความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งออนไลน์ และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 (COVID-19) ในไทย เป็นแรงผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาช้อปปิ้งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดลูกค้า

แต่ก็มีผู้บริโภคบางส่วนที่ยังต้องการอยากจับจ่ายใช้สอยนอกบ้าน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและคลายความตึงเครียด เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคได้ออกมา ‘ช้อปเอาคืน’ เพื่อชดเชยความรู้สึกที่อึดอัด และคลายความตึงเครียดผ่านการซื้อสินค้านอกบ้านร่วมกับคนในครอบครัว

2.ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ‘คืนความสุขให้ผู้หญิง’ ด้วยการช้อปปิ้ง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กลุ่มผู้บริโภคเพศหญิงต้องแบกภาระที่หนักหน่วง ทั้งการทำงาน เลี้ยงลูกน้อย หรือแม้แต่การดูแลงานบ้าน แต่ยังคงมีความต้องการใช้จ่ายเพื่อหาความสุขให้ตัวเองเพิ่มมากขึ้น

โดยเห็นได้ว่ากลุ่มผู้บริโภคเพศหญิงมีแนวโน้มความต้องการซื้อสินค้าประเภทสกินแคร์และเครื่องสำอางที่เพิ่มสูงขึ้น จนติดอันดับ 1 ใน 5 สินค้าต้องการมากที่สุด เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกจากบ้าน แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังอยากให้ตัวเองดูสวยอยู่ตลอดเวลา

และมีอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่น่าจับตา คือความต้องการใช้จ่ายในสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และเครื่องเสียง เพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะสินค้าเหล่านี้สามารถกระตุ้นรายจ่ายและเติมเต็มความสุขให้ผู้หญิงได้เป็นอย่างดี

ด้านนางสาวชุลิกา สายศิลา ผู้จัดการด้านงานวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สไปซี่ เอช จำกัด กล่าวว่า จากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยในรอบนี้ หากจำแนกเป็นช่วงอายุ 20-29 ปี ผู้บริโภคในกลุ่มนี้จะเน้นการหาความสุขให้กับตัวเอง ด้วยการใช้จ่ายสินค้าเพื่อดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ

โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสกินแคร์และเครื่องสำอางยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมและมาแรงอย่างมาก ในส่วนสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งของจำเป็น ซึ่งสามารถนำมาใช้ร่วมกับงานที่ตัวเองทำและสร้างความสุขให้กับตัวเองได้อีกด้วย

ส่วนผู้บริโภคในกลุ่ม 40-49 ปี ยังคงมีการใช้จ่ายเพื่อดูแลครอบครัวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเทอมบุตร-หลาน การซื้อนมให้ลูก การดูแลพ่อแม่สูงวัย เป็นต้น

แต่ยังคงใช้จ่ายแบบไม่ประมาทรัดเข็มขัดรายจ่ายมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงและการออมเงิน รองรับกับความไม่แน่นอนทางสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน

หากแบ่งสัดส่วนตามภูมิภาคพบว่า ภาคอีสานยังมีความต้องการใช้จ่ายสูงสุด หลังจากภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนต่างกลับภูมิลำเนาและวางแผนอยู่แบบระยะยาว เกิดการซื้อสินค้าที่จำเป็นในการใช้ชีวิต หลังจากเจอพิษโควิดและต้องกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง

ในภาคกลางนั้นส่วนใหญ่หมดไปกลับสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น เครื่องนอน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการทำงานและสร้างความสุขส่วนตัว

ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าสถานะทางการเงินมีแนวโน้มดีขึ้น และมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น

โดยข้อมูลจากผลสำรวจช่วง ต.ค. 2564 พบว่า 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้จ่ายมากที่สุดในช่วงสถานการณ์ล็อกดาวน์ เป็นกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งได้แก่

-อาหาร 31%

-สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน 14%

-สมาร์ทโฟนและโทรศัพท์มือถือ 10%

-อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต 7%

-เครื่องสำอางและสกินแคร์ 5%

นางสาวณัฐชมนต์ นพอนันต์โภคิน ผู้จัดการด้านงานวางแผนกลยุทธ์  บริษัท สไปซี่ เอช จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ความยืดเยื้อของสถานการณ์โควิด หรือที่เรียกว่า Long Covid ส่งผลให้พฤติกรรมของคนไทยให้ความสนใจกับข่าวสารบ้านเมืองมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 48

โดยเฉพาะข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด มาตรการเยียวยาของภาครัฐ หรือแม้แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่ขึ้นๆ ลงๆ ในแต่ละวัน รองลงมาหนีไม่พ้นในเรื่องการเมือง การเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบ และการชุมนุมต่างๆ ถึงร้อยละ 24 โดยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นถึง 16% มาเป็นอันดับ 2

และยังติดตามประเด็นร้อนรอบโลก และความเป็นไปในต่างประเทศอย่างตาลีบันบุกยึดประเทศอัฟกานิสถาน ร้อยละ 3 ตามมาด้วยข่าวคดีผู้กำกับโจ้ เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ

เป็นที่น่าสนใจว่าในสถานการณ์โควิด-19 อันตึงเครียดและไม่แน่นอนนั้น ยังมีหัวข้อใหม่ๆ ในผลวิจัยนี้คือเรื่อง Popcat เกม และกีฬา ซึ่งหากมองในภาพรวมแล้วแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงต้องการด้านความบันเทิง เพื่อผ่อนคลายและหาความสุขตามสภาพแวดล้อมของตนเอง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า