SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ท่องเที่ยวไทย’ กำลังถูกกดดันจากความฮอตสุดๆ ของ ‘ญี่ปุ่น’ และการวิ่งไล่ไม่หยุดของ ‘เวียดนาม’ รึเปล่า?

จากรายงานของ ‘อโกด้า’ (Agoda) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวที่เป็นผู้นำในตลาดเอเชีย ระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2023 ประเทศที่ได้รับความสนใจจาก ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 บนแพลตฟอร์ม ‘อโกด้า’ (Agoda) คือ ‘ญี่ปุ่น’

ขณะที่ ‘ไทย’ ตามมาเป็นอันดับ 2 และ ‘เวียดนาม’ ตามมาเป็นอันดับ 3 

โดยจากการเก็บสถิติ ‘อโกด้า’ (Agoda) อธิบายว่า ความนิยมของ ‘ญี่ปุ่น’ ทิ้งห่างประเทศอื่นๆ ค่อนข้างมาก เพราะ 2 ปัจจัยหลักๆ อย่าง 

1) ด้านมุมมองทางการตลาด คือ ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในระดับโลกและระดับเอเชีย

2) ด้านแหล่งท่องเที่ยว คือ ญี่ปุ่นมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายสูง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม สวนสนุก ธีมปาร์ค หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ

ทำให้ ‘ญี่ปุ่น’ รักษาความนิยมจากนักท่องเที่ยวบน ‘อโกด้า’ (Agoda) ได้เป็นอย่างดี และสามารถกลับมาครองอันดับ 1 อีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เคยครองความนิยมอันดับ 1 ในปี 2019 และลงจากตำแหน่งไปในช่วงโควิด-19 จากมาตรการควบคุมการเดินทางข้ามพรมแดน

‘ออมรี มอร์แกนสเติร์น’ ซีอีโอของ ‘อโกด้า’ (Agoda) จึงเชื่อว่า เป็นไปได้ยากที่ความนิยมของประเทศอื่นๆ จะสามารถแซงญี่ปุ่นขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ได้ในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นจะไม่ได้ไฮป์เป็นเวลานั้นๆ แต่จะเป็นการเติบโตยอย่างยั่งยืนในระดับที่เหนือกว่าปี 2019

ออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของอโกด้า (Agoda)

แต่ ‘ช่องว่าง’ ระหว่างความนิยมของ ‘ไทย’ และ ‘เวียดนาม’ ที่อยู่ในอันดับ 2 และ 3 น้อยกว่าช่องว่างระหว่างญี่ปุ่นกับไทย

เพราะหลายปีที่ผ่านมา ‘เวียดนาม’ เติบโตทางด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วมาก อันเป็นผลมาจากการทำงานอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีหลัง จึงทำให้ ‘เวียดนาม’ ที่เคยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอยู่ในอันดับ 5 ในปี 2019 สามารถขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ได้แล้วในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของอโกด้ายังมองว่า ความนิยมของ ‘เวียดนาม’ จะยังคงห่างจากความนิยมของ ‘ไทย’ อีกระยะหนึ่ง ทำให้ยากที่เวียดนามจะขยับขึ้นมาแทนไทยได้ในระยะเวลาสั้นๆ 

แต่เพราะมีคำว่า ‘ระยะเวลาสั้นๆ’ อยู่ด้วย จึงอาจแปลว่า ‘อาจแซงได้’ ในท้ายที่สุดหรือไม่

อโกด้าจึงมองว่า หาก ‘ไทย’ อยากจะรักษาระดับความนิยมในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยม จึงมีสิ่งที่จะต้องแก้โจทย์และต้องทำเช่นกัน

อย่างแรก คือ ลงทุนเพิ่ม ‘ความสะดวก’ ให้กับนักท่องเที่ยวในขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศ อย่างเช่นขั้นตอนเกี่ยวกับ Visa หรือ Visa on Arrivals รวมถึงการเปิด ‘เส้นทางบิน’ และเพิ่มเที่ยวบินดึงดูดตลาดศักยภาพอย่างอินเดียหรือเกาหลีใต้

อย่างที่สอง คือ ลดอุปสรรคทางการท่องเที่ยว อย่างเช่นกฎระเบียบต่างๆ ที่กลายเป็นอุปสรรคหรือเป็นข้อจำกัดทางการท่องเที่ยวโดยไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสม โดยในข้อนี้มีหลายประเด็นที่ ‘เวียดนาม’ สามารถทำได้รวดเร็วกว่าไทย

อย่างที่สาม คือ เพิ่มเหตุผลในการเดินทางท่องเที่ยวในไทยให้หลากหลายขึ้น ในลักษณะเดียวกับที่ญี่ปุ่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายประเภท ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม บันเทิง และธุรกิจ หรือลักษณะเดียวกับความนิยมท่องเที่ยวในเวียดนามของ ‘คนเกาหลีใต้’ อันเนื่องมาจากการตั้งฐานผลิตของเกาหลีใต้ในเวียดนาม

ซีอีโอของอโกด้า บอกว่า สำหรับผม ‘ไทย’ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ถ้าต้องการให้ไทยสามารถรักษาความนิยมและพัฒนาตัวเองขึ้นไปสู่จุดที่ดีกว่าหรือไปสู่ Next Level ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวได้

‘ไทย’ จำเป็นจะต้องลงทุนทางด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น สร้าง ‘เหตุผลใหม่’ ให้คนอยากเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ หรือการดึงดูดนักลงทุน ไปจนถึงการสร้างโอกาสเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยี (Technology Hub)

‘ออมรี’ เชื่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นเป็น ‘ฮับ’ ทางด้านเทคโนโลยี หรือที่เรียกว่าเป็น ‘ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย’ ดึงดูดคนจากทั่วโลกมาสร้างธุรกิจ แลกเปลี่ยน พูดคุยเรื่องเทคโนโลยีกันที่นี่ แม้ว่าตอนนี้สิงคโปร์จะมี

อยากให้ประเทศไทยเป็น ‘ฮับ’ สำหรับเทคโนโลยีต่างๆ อยากดึงคนจากทั่วโลกมาประชุม พูดคุย แลกเปลี่ยน และมาสร้างธุรกิจกันที่นี่ แม้ตอนนี้สิงคโปร์จะแสดงศักยภาพและมีแนวโน้มจะเป็นฮับทางด้านนี้ของภูมิภาค แต่ไทยเองก็มีศักยภาพจะไปสู่จุดนั้นได้เช่นกัน

ในปี 2019 ไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศ 39.7 ล้านคน สร้างรายได้ 1.93 ล้านบาท

และอยู่ในท็อป 10 ของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในโลก

ส่วนรายงานในปี 2023 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ (18 มิ.ย.) มีนักท่องเที่ยวสะสมแล้วเกือบ 12 ล้านคน 

สถิติจาก ‘อโกด้า’ บอกว่า ยอดค้นหาที่พักใน ‘ไทย’ ในเดือนพฤษภาคม 2023 สูงกว่า 60% ของช่วงเดียวกันในปี 2019 ทำให้สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า “ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์” เรียบร้อยแล้ว จากความต้องการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ไทยจึงเป็นประเทศอันดับ 2 ที่ผู้คนค้นหามากที่สุดบนอโกด้า เช่นเดียวกับที่ ‘กรุงเทพ’ ครองอันดับ 1 ของเมืองที่ผู้คนค้นหามากที่สุดบนอโกด้า แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักจะเพิ่งฟื้นตัวได้ราว 50% ของปี 2019

อย่างไรก็ตาม รายงานตัวเลขดังกล่าวมาจากการเก็บสถิติบนแพลตฟอร์มอโกด้าเท่านั้น ถ้าย้อนกลับไปดูตัวเลขจากองค์กรการท่องเที่ยว

ในปี 2019 ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 31.8 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท

ในปี 2019 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39.7 ล้านคน สร้างรายได้ 1.93 ล้านล้านบาท

ในปี 2019 เวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 18 ล้านคน สร้างรายได้ 6.4 แสนล้านบาท

ส่วนไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2023 นั้น

ใน ม.ค-มี.ค. 2023 ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน

ใน ม.ค-มี.ค. 2023 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.4 ล้านคน

ใน ม.ค-มี.ค. 2023 เวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.6 ล้านคน

สะท้อนความนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีต่อ ‘ญี่ปุ่น’ ที่เพิ่มมากขึ้นในปี 2023 จากเดิมที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดอยู่แล้วในช่วงก่อนโควิด

เดิมรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนต่อปีในปี 2020 ซึ่งจากอัตราการเติบโตเดิมก็เป็นไปได้ว่า ถ้าไม่มีโควิด-19 และได้จัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกตามกำหนดการ ญี่ปุ่นก็อาจบรรลุเป้าหมายได้ไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ญี่ปุ่นจึงกลับมาตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนอีกครั้งให้ได้ในปี 2025 หรืออีก 2 ปีต่อจากนี้ และขยับเป็น 60 ล้านคนในปี 2030

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ 25-30 ล้านคน และเพิ่มเป็น 30-35 ล้านคนในปี 2024 และมีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19

จึงมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าญี่ปุ่นทำได้ตามเป้าหมายในปี 2025 ทั้งญี่ปุ่นและไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกันราว 40 ล้านคนต่อปี

ส่วนทางด้านเวียดนามตั้งเป้าจะสะสมนักท่องเที่ยว 8 ล้านในปี 2023 นี้ ก่อนกลับสู่จุดเดียวกับก่อนโควิดในปี 2025 และมุ่งสู่เป้าหมาย 35 ล้านคนในปี 2030

จึงเป็นกลายโจทย์หินของท่องเที่ยวไทยที่ต้องเติบโตและรักษาตำแหน่ง

ภายใต้แรงกดดันจากการเติบโตของญี่ปุ่นที่อาจนำไปแล้วและเวียดนามที่กำลังตามมา

ที่มาข้อมูล 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า