SHARE

คัดลอกแล้ว

เป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เมื่อปัจจุบันนี้ เยาวชนไทยสามารถเข้าถึง “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้อย่างง่ายดาย มีข่าวออกมาตามหน้าสื่อให้เห็นทุกวัน ทั้งการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเยาวชน หรือการที่เยาวชนสามารถครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและสูบในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยโดยที่มิได้เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถตบตาผู้ปกครองได้ เพราะมีการพัฒนารูปลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้าให้มาในรูปแบบของเล่น หรือ Art Toy ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง เพราะไม่เพียงแต่สร้างปัญหาสุขภาพเรื้อรังแล้ว ยังสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอีกด้วย

[ “บุหรี่ไฟฟ้า” ไม่เพียงกระทบสุขภาพ แต่ยังกระทบถึงเศรษฐกิจประเทศ ]

หลายคนยังเกิดความเข้าใจที่ผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน ถูกมอมเมาโดยกลิ่นหอมที่ถูกสร้างขึ้นมากลบความอันตราย แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม พฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้สร้างภาระทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างมหาศาล ทั้งค่ารักษาพยาบาลในระยะยาวและการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์จากโรคเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งทางศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจ ชี้ชัดว่าบุหรี่ไฟฟ้าคือปัญหาที่สังคมไทยไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

“การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลระยะยาวในโรงพยาบาล และจำนวนประชากรที่สูญเสีย สอดคล้องกับผลการศึกษาการประเมินต้นทุนค่ารักษาพยาบาลจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าเบื้องต้น ปี 2567 โดยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พบภาระค่าใช้จ่ายการรักษาระยะยาวจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า 4 โรค ได้แก่ 1.โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2.โรคหลอดเลือดสมอง 3.โรคหัวใจขาดเลือด 4.โรคหอบหืด รวมมูลค่ากว่า 306,636,973 บาท”

“ผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงส่งผลต่อภาระค่ารักษาพยาบาลระยะยาว แต่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูบป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงต่อการป่วยโรคจิตเวช เพราะผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีภาวะวิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้วจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นได้ง่าย สอดคล้องกับผลการศึกษาการประเมินภาวะความเสี่ยงการเกิดโรคจิตเวชจากบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2568 โดยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสเสี่ยงต่อการป่วยภาวะซึมเศร้าสูงถึง 1.58 เท่า เสี่ยงฆ่าตัวตาย 2.05 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า” ศ.พญ.สุวรรณา กล่าว

ด้าน รศ.ดร.ภญ.มนทรัตม์  ถาวรเจริญทรัพย์  ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “จากผลการศึกษาแบบจำลองต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์จากบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2562-2563 ซึ่งได้รับทุนวิจัยจาก ศจย. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้สูบมีความเสี่ยงสูบบุหรี่มวนเพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และในผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสติดสารนิโคติน เสี่ยงป่วย 4 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคหอบหืด ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และที่สำคัญส่งผลให้เกิดต้นทุนค่าใช้จ่ายค่ารักษาของโรงพยาบาล จากแบบจำลองพบว่าผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพศชาย 1 คน หากเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 15 ปี ไปจนถึงตลอดชีวิต จะทำให้เกิดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เป็นจำนวนสูงถึง 2,637,414 บาท สะท้อนให้เห็นว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้านอกจากจะเป็นภัยอันตรายต่อสุขภาพ ยังคงส่งผลกระทบสร้างภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตของประเทศด้วย”

[ ยอดเยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่ง ถูกชวนทดลองฟรีผ่านโฆษณาบุหรี่ในออนไลน์ ]

ข้อมูลจาก รศ.ดร.พญ.เริงฤดี  ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และผศ.ดร.ศรัณญา  เบญจกุล รองหัวหน้าภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ชัดว่า แนวโน้มการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวล จากการสำรวจสุขภาพประชาชน สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการสูบในกลุ่มวัยรุ่นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน อีกทั้งเยาวชนไทยเผชิญแรงจูงใจสูบบุหรี่จากโลกออนไลน์มากขึ้น ผลสำรวจการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทยปี 2565 ชี้เด็ก 6 ใน 10 เคยเห็นโฆษณาบุหรี่ผ่านสื่อออนไลน์ ขณะการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบก็ง่ายขึ้นอย่างน่าห่วง ตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการควบคุมสื่อออนไลน์และสร้างการตระหนักรู้เรื่องพิษภัยของยาสูบในกลุ่มเยาวชนอย่างจริงจัง

“นักสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีและมีแนวโน้มที่นักสูบจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ในปี 2567-2568 นี้ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกับ สสส. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และภาคีเครือข่าย ทำการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 7 ซึ่งมีการสำรวจเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของกลุ่มอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปด้วย ข้อมูลเบื้องต้นหลังจากเก็บข้อมูลไปแล้ว 40% พบเด็กและเยาวชน อายุ   15-29 ปี มีแนวโน้มการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จาก 5.8% ในปี 2562 เป็น 12.2% สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสูบบุหรี่วัยรุ่นอย่างชัดเจนในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย ทุกภาคส่วนจึงต้องรณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า และส่งเสริมการป้องกันนโยบายหรือมาตรการควบคุมการสูบบุหรี่ในกลุ่มวัยรุ่นอย่างจริงจัง ซึ่งข้อมูลฉบับสมบูรณ์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ จะทำให้ทราบสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของคนไทยอย่างละเอียดมากขึ้น” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว

“ผลสำรวจการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ปี 2565 (Global Youth Tobacco Survey : GYTS) อยู่ท่ามกลางปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น เพราะเด็กและเยาวชน 6 ใน 10 เคยเห็นการโฆษณาส่งเสริมการขายบุหรี่ผ่านสื่อออนไลน์ ได้รับผลิตภัณฑ์บุหรี่ทดลองใช้ฟรี เพิ่มสูงขึ้นจาก 7.3% ในปี 2558 เป็น 11.1% ในปี 2565  มีสิ่งของที่มียี่ห้อหรือโลโก้ผลิตภัณฑ์ยาสูบเพิ่มขึ้นจาก 10.5% ในปี 2558 เป็น 12.5% ในปี 2565 รวมถึงสามารถซื้อบุหรี่เป็นมวนได้เพิ่มขึ้น จาก 19.6% ในปี 2558 เป็น 37.4% ในปี 2565 ดังนั้น การควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบในสื่อออนไลน์ จึงมีความสำคัญในการป้องกันและลดอัตราการสูบบุหรี่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งควรส่งเสริมให้เกิดการตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้ยาสูบอย่างต่อเนื่อง” ผศ.ดร.ศรัณญา กล่าว

“บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นปัญหาที่ไม่อาจมองข้ามอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องเร่งควบคุมการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมมาตรการป้องกันและควบคุมการสูบในกลุ่มเยาวชนอย่างจริงจัง เพื่อลดอัตราการสูบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทย และลดภาระค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตของประเทศ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า