Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยกำลังน่าห่วงจากการปิดโรงงานและถูกเลิกจ้าง โดยยกกรณีโรงงานผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอยางซูซูกิที่ย้ายฐานการผลิต สะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยยะของบริษัทอื่นๆ ในประเทศเช่นกัน

โดยตอนนี้ไทยต้องแบกรับปัญหาการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน และความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมที่ลดลง จากปัจจัยแรงงานวัยทำงานที่มีอายุมากขึ้น และต้นทุนราคาพลังงานที่สูงขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์เสนอสถิติเช่นเดียวกับที่สื่อไทยเสนอข่าวว่ามีการปิดโรงงานไปเกือบ 2,000 แห่ง ส่งผลให้ภาคการผลิตซึ่งมีส่วนในการช่วยส่งเสริมจีดีพีของประเทศเกือบ 1 ใน 4 ได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ตัวแทนแรงงานคนไทยในโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตกระจกนิรภัยใน จ.สมุทรปรากการ ที่โรงงงานปิดตัวลงอย่างไม่คาดคิดและทำให้ตกงานอยู่ในเวลานี้

โดยหญิงแรงงานไทยรายนี้ กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัวหลังโรงงานปิดตัวลงคือ เธอเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว เพราะสามีป่วย และมีลูกสาวที่ต้องดูแล อย่างไรก็ตามผลกระทบคือเธอไม่มีเงินเก็บแล้วยังมีหนี้นับแสนบาท และด้วยอายุมากแล้วทำให้วิตกกังวลว่าจะไปทำงานที่ไหนจะมีใครจ้างอีก

ขณะที่รอยเตอร์ อ้างอิง คำกล่าวของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตอนนี้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศตกต่ำลง และอัตรากำลังการผลิตลดลงต่ำกว่า 60% เห็นได้ชัดว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องปรับตัว

ขณะที่ ‘ศุภวุฒิ สายเชื้อ’ ประธานบอร์ดสภาพัฒน์ กล่าวกับรอยเตอร์ว่า โมเดลเศรษฐกิจของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการผลิตมายาวนานหลายทศวรรษนั้นล้มเหลวแล้ว

“ตอนนี้จีนกำลังพยายามส่งออกสินค้าทุกประเภท และสินค้าราคาถูกเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราจริงๆ”

และบอกว่า ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงควรเน้นการผลิตสินค้าที่จีนไม่ได้ส่งออก ในขณะที่ต้องเสริมสร้างภาคการเกษตรของประเทศอย่างไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขใด

ข้อมูลจากกรมโรงงานระบุว่าการปิดโรงงานเพิ่มขึ้น 40% จากช่วง 12 เดือนก่อนหน้า (จากเดือนกรกฎาคม 2566 ถึง มิถุนายน 2567) ส่งผลให้มีตำแหน่งงานหายไปถึง 80% ในช่วงเวลาเดียวกัน และมีคนงานมากกว่า 51,500 คนตกงาน

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยในรายงานเดือนมิถุนายนว่า จำนวนการเปิดโรงงานใหม่ก็ชะลอตัว โดยโรงงานขนาดใหญ่ปิดตัวลง และโรงงานขนาดเล็กเปิดขึ้นแทน

แต่ก็น่าห่วงว่าตอนนี้ผู้ผลิตรายเล็กก็ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมาจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง

ประธานสหพันธ์เอสเอ็มอีของไทย มองว่า เราแข่งขันกับธุรกิจข้ามชาติ ผู้ผลิตที่ไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจำเป็นต้องปิดกิจการหรือเปลี่ยนแปลงไปผลิตอย่างอื่น

ในรายงานข่าวของรอยเตอร์ ยังได้ระบุถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่มีความล่าช้าจากการเห็นสวนทางกับฝ่ายธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งการที่โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ได้อ้างคำกล่าวของแรงงานหญิงไทย ที่ถูกเลิกจ้างจากการปิดตัวของโรงงาน โดยเธอกล่าวว่า

“กำลังรอแจกเงิน 10,000 บาท”

“รัฐบาลก่อนเศรษฐกิจไม่ดี แต่ถึงจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา เศรษฐกิจก็ยังแย่เหมือนเดิม”แรงงานที่ถูกเลิกจ้างจากโรงงานปิดตัวกล่าว

 

เรียบเรียงจาก Reuters

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า