กระทรวงพลังงานเผยแพร่ข้อมูลราคาน้ำมันเฉลี่ยของไทยและประเทศอาเซียน ณ วันที่ 4 ก.ค. 2565 พบว่าไทยมีราคาน้ำมันถูกเป็นอันดับ 3
โดย ‘สิงคโปร์’ เป็นประเทศที่น้ำมันมีราคาแพงที่สุดทั้งเบนซินและดีเซล คือ เบนซินราคา 97.95 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลราคา 80.10 บาท/ลิตร
ในประเภทน้ำมันเบนซิน ลาวเป็นประเทศที่น้ำมันราคาแพงสุดเป็นอันดับ 2 คือ 71.42 บาท/ลิตร รองลงมาคือกัมพูชา 56.26 บาท/ลิตร
ส่วนน้ำมันดีเซล ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีราคาน้ำมันแพงเป็นอันดับ 2 คือ 58.37 บาท/ลิตร ตามมาด้วยกัมพูชา 54.95 บาท/ลิตร
ขณะที่ 3 อันดับที่น้ำมันราคาถูกที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน คือ บรูไน มาเลเซีย และไทย
กระทรวงพลังงานให้ข้อมูลว่า ความแตกต่างของราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาแตกต่างกัน คือ
1.แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน
2.ในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่
3.ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน
สำหรับราคาน้ำมันของไทย มีโครงสร้างที่ประกอบไปด้วย
-ต้นทุนเนื้อน้ำมันที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเชีย บวกกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ของโรงกลั่น เช่น ค่าการกลั่น ต้นทุนค่าขนส่ง เป็นต้น
-ภาษีต่างๆ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม
-กองทุนต่างๆ เช่น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, กองทุนการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน
-ค่าการตลาด ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ประกอบการกำหนดได้เอง ภายใต้กลไกตลาดและการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนที่จะทำกำไรให้ผู้ประกอบการ
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในประเทศอื่นๆ เช่น ลาว ที่ราคาน้ำมันพุ่งอย่างต่อเนื่อง ก็มาจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากค่าเงินกีบที่อ่อนค่า, เงินเฟ้อ, ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศโดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีปัญหาในการนำเข้าน้ำมัน