‘ไปรษณีย์ไทย’ แจงขึ้นค่าส่งในรอบ 18 ปี เพราะสภาพเศรษฐกิจ-ต้นทุน

หลังจากที่ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2565 เป็นต้นมา ไปรษณีย์ไทยได้ปรับขึ้นราคาอัตราค่าบริการเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

ล่าสุดในวันนี้ (7 ก.ค. 2565) ไปรษณีย์ไทยชี้แจงว่า การปรับราคาดังกล่าว เป็นการปรับราคาเฉพาะบริการจดหมายในประเทศเท่านั้น คือ จดหมายประเภทซอง และจดหมายประเภทหีบห่อ

แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนหน้านี้พัสดุที่ใส่ซองจดหมาย ไม่ว่าข้างในจะเป็นกระดาษหรือเป็นอย่างอื่นที่นูนออกมา ไปรษณีย์จะคิดค่าบริการในเรตของจดหมายแบบซอง

ไปรษณีย์ไทยบอกว่าการปรับค่าบริการนี้เป็นไปตามสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union) ที่มีข้อกำหนดเกณฑ์การจัดส่งไปรษณียภัณฑ์ให้แยกตามรูปแบบและสิ่งบรรจุภายใน

ซึ่งการส่งจดหมายประเภทซองพิกัดแรก น้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม ยังคงไว้ที่ 3 บาทเช่นเดิม ส่วนจดหมายประเภทซองที่น้ำหนักเกิน 10 กรัม และประเภทหีบห่อ จำเป็นต้องปรับราคาให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจและต้นทุน เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2565 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการไปรษณีย์ลงทะเบียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับราคาของไปรษณีย์ไทยดังกล่าวเป็นไปตามกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดการเปลี่ยนแปลงราคาค่าบริการไว้หมด 2 ระยะด้วยกัน คือ

ระยะแรก ระหว่าง พ.ศ. 2565-2567 จดหมายประเภทซอง ไม่เกิน 10 กรัมที่ 3 บาท เกิน 10 กรัมขึ้นไปจนถึงไม่เกิน 2,000 กรัม ราคาอยู่ที่ 5-55 บาท (จากเดิม 3-45 บาท) ส่วนจดหมายประเภทหีบห่อ ไม่เกิน 500 กรัม จนถึงไม่เกิน 2,000 กรัม ราคา 30-55 บาท

ระยะที่สอง พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป จดหมายประเภทซอง ไม่เกิน 10 กรัม ราคา 4 บาท บาท เกิน 10 กรัมขึ้นไปจนถึงไม่เกิน 2,000 กรัม ราคาอยู่ที่ 6-62 บาท ส่วนจดหมายประเภทหีบห่อ ไม่เกิน 500 กรัม จนถึงไม่เกิน 2,000 กรัม ราคา 34-62 บาท

แต่อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทยบอกว่ามีโปรโมชั่นบริการ EMS ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ใช้บริการและต้นทุนผู้ประกอบการ โดยส่ง EMS วันจันทร์-วันเสาร์ค่าส่งเริ่มต้น 25 บาท และพิเศษวันอาทิตย์ค่าส่งเริ่มต้น 19 บาท สามารถเช็กสถานะได้ตลอดเส้นทาง

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ภาคธุรกิจซึ่งฝากส่งเอกสารและจดหมายกับไปรษณีย์ไทยมาอย่างต่อเนื่อง หรือส่งในปริมาณมากๆ จะมีการมอบส่วนลดในอัตราพิเศษ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thailandpost.co.th และที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ