SHARE

คัดลอกแล้ว

บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มองตลาดหุ้นไทยปี 2566 ในเชิงบวก โดยคาดว่าดัชนี SET Index มีโอกาสแตะ 1,820 จุด แม้การเก็บภาษีขายหุ้นอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนก็ตาม

‘ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ’ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมการลงทุนตลอดปี 2565 ที่ผ่านมาว่า

ตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนได้ไม่ดีนัก นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีปรับตัวลดลง 1% ถือว่าเสมอตัวเมื่อรวมเงินปันผลที่คาดจะให้ผลตอบแทนระดับ 2%

แต่หากเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นยุโรป, จีน และตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกจะพบว่า หุ้นไทยให้ผลตอบแทนดีที่สุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในรอบ 30 ปี

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น น้ำมัน และทองคำ

โดยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ผลตอบแทนจากน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 60% จากสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย แต่ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีลดลงเหลือเพียง 1.77% หลังราคาน้ำมันอ่อนตัวลง

ขณะที่อัตราผลตอบแทนทองคำ นับตั้งแต่ต้นปีพบว่าตัวเลขติดลบเล็กน้อยที่ 1.31% แต่ถือว่าดีกว่าช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ที่ให้ผลตอบแทนติดลบถึง 10%

ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ก็ขาดทุนเช่นกัน เนื่องจากราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกปรับตัวลดลงสะท้อนดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นเร็ว

สำหรับสินทรัพย์ที่มีความโดดเด่นในปี 2565 คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นจากการที่ Fed ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรง ส่งผลให้ผลตอบแทนค่าเงินในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ระดับ 4.13%

ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนถึง 14.3% ในระหว่างปีที่ผ่านมา ก่อนที่เดือน ต.ค. – พ.ย.ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ทำให้อัตราผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอ่อนค่า 4.13%

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ถือกองทุน BMSCITH  ซึ่งเป็นกองทุน ETF สะท้อนดัชนี MSCI THAILAND ที่เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ก็น่าจะยิ้มกันได้ เพราะนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่ 3.68% ดีกว่าดัชนี SET โดยรวม

‘ปีนี้เป็นปีที่ราคาสินทรัพย์ทุกประเภทผันผวนผลตอบแทนไม่ค่อยดี ปัจจัยหลักมาจากภาวะเงินเฟ้อที่สูง ทั้งจากราคาอาหาร ค่าขนส่ง และราคาน้ำมัน

นับจากกลางปีเป็นต้นมาราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกประเภทต่างปรับตัวลดลง หลังการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ และธนาคารกลางทั่วโลก

รวมถึงการฉีดวัคซีนของประชากรทั่วโลกทำได้ถึง 2 ใน 3 ทำให้ระบบขนส่งสินค้าที่ขาดแคลนคลี่คลาย จำนวนกองเรือเพิ่มขึ้น และการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือทำได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้ค่าระวางเรือปรับตัวลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ’

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2566 คาดว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าปี 2565 เนื่องจากในปีนี้มีการจัดระเบียบเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยทำให้หลายอย่างกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed น่าจะอยู่ในจุดใกล้เคียงกับจุดสูงสุดแล้ว

ล่าสุด การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.5%

ส่วนปี 2566 คาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในช่วงไตรมาส 1 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปแตะระดับ 4.75% และธนาคารกลางสหรัฐอาจมีโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงในปลายปีหากอัตราขยายตัวเศรษฐกิจมีการถดถอยมากกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐคาดการณ์

‘คาดการณ์เป้าหมายดัชนี SET Index ปี 2566 ที่ 1,820 จุด และกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมที่ 109 บาทต่อหุ้น โดยเม็ดเงินฟันด์โฟลว์ต่างชาติคาดว่าจะยังไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น

ค่าเงินบาทยังคาดว่าจะแข็งค่าต่อเนื่อง สะท้อนผ่านภาพในปัจจุบันที่เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้เพียง 20% เทียบยอดขายสุทธิในช่วง 5-7 ปีที่ผ่านมาที่เงินไหลออกไปมาก’

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 4% จากปี 2565 ที่โต 3.2% หนุนโดยภาคการบริโภคและท่องเที่ยวที่ยังคงดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะเห็นการชะลอตัวลงบ้างของภาคการส่งออกแต่ก็เป็นการกลับสู่ภาวะปกติของการฟื้นตัว ขณะที่ไทยก็จะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ด้วย

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้การเติบโตของจีดีพีคาดจะขยายตัว 1% และอาจมีความเสี่ยงเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย โดยมองความเสี่ยงขาลง (Downside) ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหดตัว 0.5%

แต่เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้น S&P500 ของสหรัฐจะไม่ปรับตัวลงลึกมากจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากตลาดหุ้นรับรู้ประเด็นนี้ไปตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาแล้ว สะท้อนผ่านดัชนี S&P500 ตั้งแต่ต้นปีลดลงไปลึกสุด 25% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยเชิงสถิติ

ขณะที่ดัชนี NASDAQ ตั้งแต่ต้นปีร่วงลงไปต่ำสุด 31% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 35% ในช่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ดัชนี S&P500 ก็อยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยประมาณ 16-17 เท่า

สำหรับตัวเลขอัตราขยายตัวจีดีพีของยุโรปคาดติดลบ 0.5% หลังความตึงเครียดระหว่างยุโรปและยูเครนส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน

‘หนึ่งปัจจัยท้าทายในปี 2566 คือ ต้องจับตาดูเรื่องราคาสินค้าโภคภัณฑ์ว่าจะกลับมาสร้างปัญหาอีกหรือไม่ หากจีนมีการเปิดประเทศอย่างเต็มตัวจนดันเงินเฟ้อขึ้นสูงอีกครั้ง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจีดีพีของจีนในปีหน้าจะเติบโต 5-5.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังไม่สะท้อนการกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มตัว’

ในส่วนของการจัดพอร์ตลงทุนในปี 2566 แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) รวมถึงหุ้นไทย จีน และสหรัฐฯ มากขึ้น

สำหรับธีมการลงทุนเน้นลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค กลุ่มมีเดีย กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มพลังงานสะอาด (Green Energy) ที่ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสนใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้งานมากขึ้น สะท้อนผ่านยอดขายปัจจุบันที่ 15,250 คัน นับจากต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับกลุ่มสถาบันการเงินก็ยังน่าสนใจจากคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีค่า P/E ค่อนข้างต่ำ ส่วนกลุ่มที่ควรเลี่ยงลงทุน คือ น้ำมัน ปิโตรเคมี โรงกลั่น กองเรือ และโรงพยาบาล

BLS Top Pick

เมื่อถามถึงประเด็นภาษีขายหุ้น เอ็มดีของ บล.บัวหลวง มองว่า การเก็บภาษีหุ้นมีผลแน่นอน อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีของภาครัฐก็เป็นสิ่งที่จำเป็น หลังจากที่ภาครัฐใช้จ่ายเงินไปค่อนข้างเยอะ ส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับขึ้นชนเพดาน

‘เราในฐานะคนไทยก็คงต้องช่วยกัน ในฝั่งของตลาดหุ้นก็ได้รับการยกเว้นภาษีมายาวนาน คนที่ลงทุนในตลาดหุ้นก็ถือว่าเป็นคนที่มีเงินพอ ก็คงเลี่ยงยาก’

ทั้งนี้ คาดว่ากภาษีขายหุ้นจะกระทบการซื้อของตลาดหุ้นให้เบาบางลง จากปกติที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งสิ่งที่จะตามมา คือ ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนเมื่อไม่มีสภาพคล่องที่หนาแน่นพอ เช่น เวลาปรับพอร์ต โยกหุ้น ซื้อ หรือขาย ก็จะมีผลต่อราคาหุ้นในขณะนั้น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า