ว่ากันว่า วาจาพ่อนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก อาจใช้ได้และไม่เกินจริง โดยเฉพาะกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่นับตั้งแต่กลับไทย และมีโอกาสโชว์วิสัยทัศน์บนเวทีใหญ่ ก็ถูกตั้งข้อสังเกต ว่านำหน้ารัฐบาล ‘ก้าวหนึ่ง’ เสมอ แม้จะออกตัวว่าทั้งหมด “ลูกสาวผมกระซิบว่า พ่อๆ…”

ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพิ่งออกตัว เป็นลูก ‘ไม่ใช่คู่แข่ง’ สิ่งไหนดีพร้อมรับฟัง ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ‘จบ’

“อย่างสิ่งที่คุณพ่อพูดหลายอย่าง มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น หลายอย่างต้องผ่านมติ ครม. ผ่านมติพรรค คุณพ่อเป็นคนมีวิสัยทัศน์ ที่คิดต่อว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ดิฉันว่าก็ดี ในเมื่อท่านไม่ได้ดำรงตำแหน่ง สิ่งที่ท่านพูดเป็น vision จะมาเปลี่ยนเป็น action ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร”

สำนักข่าวทูเดย์ ชวนย้อนดู วาทะของพ่อนายกฯ ระหว่างเดินสายโชว์ลูกอ้อน “อย่าลืมผมนะ ผมกลับมาแล้ว” ในสนาม นายกฯ อบจ. และบนเวทีใหญ่ ว่าตกลงแล้ว วิสัยทัศน์ไหนบ้าง ที่สอดคล้องกับนโยบายของ ครม.แพทองธาร

[เงินหมื่นมาแน่]

ย้อนไปกลางเดือน พ.ย. ปี 67 สปอตไลต์ทางการเมือง ฉายไปที่สนามเลือกตั้งนายกฯ อบจ. อุดรฯ ทันที ตั้งแต่วินาทีแรกที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ประกาศตัวช่วยหาเสียง และลงพื้นที่ ที่เคยถูกขนานนามว่า เมืองหลวงคนเสื้อแดง 

และไม่ผิดคาด นอกจากจะคืนฟอร์มเก่า บนเวทีปราศรัยแรกอย่างเป็นทางการ ยังเปิดประเด็น ให้สังคมและผู้สื่อข่าวต้องทำการบ้านกันต่อ เพราะดันปล่อยทีเซอร์ เงินหมื่นเฟส 2 ต่อหน้ามวลชน

“เอ๊ะ ใครได้เงินหมื่นไปแล้วบ้าง คนที่ยังไม่ได้ อยากได้ไหม มาแน่…พรรคเพื่อไทยเป็นวัฒนธรรม สืบเนื่องมาจากไทยรักไทย พูดอะไรต้องทำ” จังหวะโยนคำถามระหว่างปราศรัยวันนั้น ทำให้เรารู้รายละเอียดว่า ระลอกนี้เป็นเงินหมื่นสำหรับผู้สูงอายุ

เพียงข้ามวัน พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ก็ออกมาทำให้คำเปรยนั้นชัดเจนขึ้น โดยยืนยันกำลังนำหลักการของเฟสที่ 2 เสนอต่อที่ประชุม ว่าเป็นสิทธิของกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี

ครั้งแรกอาจแค่เผอิญ แต่ซ้ำสอง? ความชัดเจนของนโยบายเงินดิจิทัลฯ ถูกฉายภาพอีกครั้ง บนเวทีหาเสียง นายกฯ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา อดีตนายกฯ ทักษิณ กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าเงินหมื่น เฟส 3 จะเสร็จช่วงเดือน มี.ค. เพราะได้บริษัทที่จะมาทำระบบแล้ว แถมการันตีวันที่เงินหมื่นเฟส 2 จะเข้าด้วย “อายุเกิน 60 ปี เงินหมื่นจะมาแล้วนะ ประมาณ 3 ล้านคน ก็ 30,000 ล้านบาท”

เปิดสัปดาห์มา 7 ม.ค. ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับไม้ต่อทันที ระบุ ระบบจะเสร็จภายในเดือน มิ.ย. และสามารถรองรับผู้ที่ลงทะเบียนกว่า 30 ล้านคน

[ปรับโครงสร้างหนี้]

“นากยกฯ อิ๊งบอกกับผมว่า จะลดรายจ่ายให้กับประชาชน โดยการปรับโครงสร้างหนี้ก่อน ให้หนี้เบาบางบริหารได้ แล้วค่อยเพิ่มรายได้”

สิ่งที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ได้ยินมา ถูกสื่อสารบนเวทีช่วยหาเสียง นายกฯ อบจ. อุดรฯ เช่นกัน หากจำกันได้ ประเด็นนี้ถูกจั่วหัวไว้แล้ว บนเวที Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 ที่จัดโดยเครือเนชั่น ตั้งแต่ 22 ส.ค. 67 ด้วยการแก้หนี้ครัวเรือน คู่ไปกับการพัฒนาสถาบันการเงิน

“เมื่อตอนผมเป็นนายกฯ เคยเชิญสมาคมธนาคารไทยมาคุย เรื่องการให้รัฐบาลซื้อหนี้มาบริหาร ซึ่งเคยทำมาแล้ว ทำให้ประชาชนบริหารจัดการได้ ในการตัดหนี้ของประชาชน ที่เหมือนกับการตัดหนี้ให้ภาคธุรกิจ จะทำได้หรือไม่ อันนี้ต้องฝากการบ้านไป” อดีตนายกฯ ทักษิณ แสดงวิสัยทัศน์ 

คล้อยหลังการ “นินทาลูกสาว” ราวเดือนเดียว โครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ก็คลอดเป็นทางการ เป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในกลุ่มเปราะบาง โดยลูกหนี้ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมและชำระหนี้ตามเงื่อนไข ขณะที่ รัฐและสถาบันการเงินจะสนับสนุนเม็ดเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมฝ่ายละครึ่ง (50%)

[ทลายทุนผูกขาด]

จะไม่ให้แซวได้ยังไง ว่าพ่อลูกคู่นี้คุยกันทุกเรื่องจริงๆ เพราะในการแถลง ผลงาน 90 วัน ครม.แพทองธาร เมื่อ 12 ธ.ค. 67 นายกฯ พูดถึงการทลายทุนผูกขาด ว่าจะเป็นนโยบายในอนาคต

นายกฯ แพทองธาร ระบุว่า การผูกขาดทุกชนิด เป็นสิ่งที่เพิ่มต้นทุนของประชาชน ทำให้ประชาชนจนลง ไม่ได้มีเงินมากขึ้น ยกตัวอย่างเรื่องข้าว แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายแล้ว แต่ยังไม่ทันสมัยอยู่ดี รัฐบาลจะปลดล็อกและลดขั้นตอน ทำให้เกษตรกรรายย่อยสามารถส่งออกข้าวเองได้ ทำให้ SME กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

ใจความทั้งหมดนี้ แทบจะเป็นถ้อยคำเดียว กับครั้งที่อดีตนายกฯ ทักษิณ เคยลั่น ครั้งที่ช่วยหาเสียง นายกฯ อบจ. อุดรฯ “เขาบ่นกับผมมาคำนึง ว่าพ่อ ลูกว่าการผู้ขาดจากรัฐ และเอกชน ทำให้คนไทยจน…” 

[ยกธุรกิจใต้ดินเข้าระบบ]

ดูเหมือน เวทีปราศรัยที่ จ.อุดรฯ ครั้งนั้น อดีตนายกฯ ทักษิณ จะนินทาลูกสาวเต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างที่เจ้าตัวออกปากจริงๆ เพราะธุรกิจใต้ดิน เป็นอีกเรื่องพูดถึงในเวที

ใครเล่นหวยลาวบ้าง? อดีตนายกฯ จับไมค์ถาม “หวยลาวหวยฮานอยพวกนี้ มันต้ม วิธีการมันเนี่ย มันเช็คเข้าไปหมุนตุ๊ดๆ แต่มันเลือกว่าเบอร์ไหนคนซื้อน้อยที่สุด มันออกทางนั้น มันกินทุกรอบ จะต้องหาทางว่า พี่น้องอย่าเล่นหวยมาก”

ก่อนที่ 12 ธ.ค. วันแถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาล นายกฯ แพทองธาร จะพูดถึงว่า ธุรกิจนอกระบบ และธุรกิจใต้ดิน จะเป็นอีกหนึ่งผลงานในอนาคตของรัฐบาล โดยอธิบายว่า ธุรกิจเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่า 49% ของ GDP ไทย เป็นช่องทางของมาเฟีย และเป็นช่องทางคอร์รัปชัน หากสามารถนำขึ้นมาอยู่ในระบบภาษี นอกจากจะแก้ปัญหาธุรกิจผิดกฎหมาย ยังเป็นเงินทุนต่อยอดให้ประเทศอีกด้วย

[ทักษิณเกลียดพ่อค้ายา]

ก้าวต่อไปของรัฐบาล ที่ถูกประกาศในวันนั้น ยังฉายภาพสถานการณ์ยาเสพติดระบาด ทำให้ครอบครัวสูญเสียลูกหลาน รัฐเสียบุคคลที่ศักยภาพ นายกฯ ระบุว่า จะจัดการจริงจัง

เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ลูกสาวจะเคยบ่นให้พ่อฟังหรือไม่ เพราะถ้าลองนึกไวๆ ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ปล่อยวาทะเด็ดอะไรระหว่างเดินสายเป็นผู้ช่วยหาเสียงราว 2 เดือน ประเด็นเกลียดพ่อค้ายา คงลอยมาแต่ไกล “ไปบอกพ่อค้าขายยาด้วยว่า วันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณเกลียดพ่อค้าขายยามาก ไม่อยากเห็นหน้าสักคน” 

ด้วยประสบการณ์ร่วมคนในสังคม ว่าครั้งสมัยรัฐบาลทักษิณ ได้ชื่อว่าเป็นช่วงเวลา ที่ไทยมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดแบบเด็ดขาดที่สุด แม้อีกด้านหนึ่งจะถูกวิพากษ์ ว่ามีการละเมิดสิทธิมุษยชนก็ตาม 

[ค่าไฟลงแน่ 3.70 บาท]

“ไฟฟ้าปีนี้จะต้องเอาลง ให้เห็นเลข 3 ใจอยากให้เหลือ 3.50 บาท แต่คงได้ราว 3.70 บาท กำลังให้เขาช่วยกันทุบอยู่ ค่าไฟลงแน่” 

เวทีหาเสียง อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค. อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ทำให้ผิดหวัง ตามที่หลายคนจับตา ด้วยการประกาศจะช่วยประชาชน ด้วยการลดค่าไฟให้ได้ ก่อนที่ ประชุม ครม. ในสัปดาห์ถัดมา นายกฯ จะมีโอกาสยืนยันความเป็นไปได้ของเรื่องนี้.

“เมื่อรัฐบาลสามารถพูดคุยและเจรจา ในการลดต้นทุนได้ ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ถือเป็นประโยชน์กับประเทศอยู่แล้ว ฉะนั้นรัฐบาลมุ่งมั่นในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะลดต้นทุน หรือลดค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน 3.70 บาท ที่สื่อมวลชนถาม เป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้ได้”

และในการตอบคำถามสื่อวันนั้น นายกฯ ยังถือโอกาสแจง ว่าใครพูดก่อนไม่สำคัญ หากสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งอธิบายต่อว่า ตั้งใจจะสื่อสารอย่างเป็นทางการสัปดาห์ละครั้ง เลยไม่แปลกที่จังหวะของผู้เป็นพ่อจะมาถึงก่อน 

[คอลเซนเตอร์จัดให้เรียบ]

ไม่ต่างกันกรณีจัดการขนวนการคอลเซนเตอร์ เป็นอีกเรื่องที่ อดีตนายกฯ ทักษิณ เปิดก่อน บนเวทีช่วยหาเสียง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 67

“มีคนโดนแก๊งคอลเซนเตอร์ เล่าให้ฟังว่าเดือดร้อน ทุกข์กันมาก ผมนี่นะ กำลังบอกกับทางพม่า ทางเขมร คอลเซนเตอร์เวลานี้มันอยู่ที่เขมร อยู่ตึก 25 ชั้น สองหลัง แถวปอยเปต รู้หมดละ คนไทยเป็นที่เก็บพวกบัญชีม้า” 

“ผมแจ้งไปเขมรแล้วช่วยจัดการให้หน่อย ถ้าจัดการไม่ได้ ขออนุญาตส่งคนไปจัดการเอง พม่าก็เหมือนกัน ผมคุยกับกะเหรี่ยง KNU บอกไปทางรัฐบาลพม่า ว่าช่วยจัดการแถวเมียวดี” 

ก่อนที่ถัดมาวันเดียว เพจส่วนตัว Ing Shinawatra ของนายกฯ จะโพสต์ภาพ พร้อมข้อความ ขณะกำลังคุย กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และรัฐมนตรีจิราพร

“ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งค่ะที่ต้องดำเนินการ เพราะคดีการหลอกลวงสร้างความเสียหายต่อพี่น้องประชาชนในวงกว้าง ในปีหน้าจะมีมาตรการที่เป็นรูปธรรม รวมไปถึงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบใหม่ เพิ่มความปลอดภัยให้กับชีวิต และทรัพย์สินของคนไทยค่ะ”

ไม่ผิดไปจากที่นายกฯ แพทองธาร เคยย้ำ กับผู้สื่อข่าว ว่าคุณพ่อของท่านมีประสบการณ์ และเคยทำสำเร็จมาแล้ว สิ่งไหนดี มีประโยชน์ต่อประเทศ ยินดีรับฟัง “โตมาในบ้านที่ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว การที่ท่านพูดถ้าเรานำมาปรับใช้ได้ในชีวิต คือสิ่งดี”

เช่นนี้ ก็คงต้องรอติดตาม ว่าในการปรากฏตัวตลอดวันนี้ เพื่อช่วยหาเสียงใน จ.ลำปาง พ่อนายกฯ จะยังให้นโยบายแม่น หรือลูกสาวกระซิบอะไรมาอีกบ้าง