ทักษิณ ชี้ล็อกดาวน์หลวมได้กว่านี้ แนะใช้สูตรไต้หวันให้ความรู้จริงปชช.เรื่องโควิด

“ทักษิณ ชินวัตร” แนะรัฐบาลรีบคลายล็อกดาวน์ พร้อมให้ความรู้เรื่องไวรัสโควิด-19 ที่เป็นจริงกับประชาชนเพื่อป้องกันตัวเอง

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ บีบีซีไทย เขาได้พูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตอนหนึ่งกล่าวว่า “ผมชื่นชมนะว่าระบบสาธารณสุขของเราแข็งแรง เพราะว่าคนตายน้อย และอัตราการรักษาหายสูง แต่เป็นห่วงอยู่นิดเดียว คือเรื่องการตรวจ เพราะว่าถ้าเราตรวจน้อย เราพบน้อยแน่นอน แต่ตรวจก็ไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมด มันสามารถใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องการสุ่มตัวอย่างของวิชาวิจัยได้ มันจะได้ไม่ใช้ค่าใช้จ่ายสูง ถ้าเรามีการสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม หรือว่าในชุมชนที่อยู่กันแออัด หรือที่มีปัญหาเรื่องสุขอนามัยทั้งหลาย เรื่องสุขภาพ สุขอนามัยทั้งหลายจะเป็นประโยชน์ จะทำให้เราป้องกันเชิงรุกได้”

นายทักษิณ มองการมาตรการล็อกดาวน์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า “ผมบังเอิญว่าเคยติดตามไวรัสตัวใหม่ๆ มา ตอนที่เป็นนายกฯ เรื่องของไข้หวัดนก และโรคซาร์สที่มาจากที่เมืองจีนตอนนั้น เลยติดตามเข้าใจเนื้อหาว่า โรคต่างๆมันมีลักษณะเป็นอย่างไร มันแพร่ระบาดกันยังไง พอมาเห็นโรคตัวนี้แล้ว ค่อนข้างจะตกใจต่อการที่ทุกฝ่ายต้องใช้การล็อกดาวน์กันทั่วโลก และใช้คำว่า Social Distancing ซึ่งมันเคยใช้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ตอนไข้หวัดใหญ่สเปนระบาด ตอนร้อยปีที่แล้วเราไม่ได้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันเหมือนปัจจุบัน และเศรษฐกิจก็ไม่เชื่อมโยงกันมากขนาดนี้ เพราะฉะนั้นแต่ละแห่งก็ล็อกดาวน์ในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้เดือดร้อนทั้งโลก และเดือดร้อนก็ไม่มาก เพราะเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้ตื่นตัวไม่เหมือนปัจจุบัน”

“ร้อยปีที่ผ่านเรายังไม่ได้เรียนรู้วิธีการป้องกันโรคระบาดทัั่วไป หรือการระบาดใหญ่เลย ถ้าเราเรียนรู้มากกว่านี้ เราก็คงจะไม่ใช้วิธีของร้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะร้อยกว่าปีที่แล้ว มันเหมือนกับว่าเศรษฐกิจเล็ก ปิดก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้เศรษฐกิจมันใหญ่ ความเสียหายที่มันเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจมันหนัก หนักกับในครัวเรือน กับประชาชน และประเทศ และระดับทั้งโลก มันหนักไปหมด เพราะเรากำลังแลกกับสิ่งที่เรารู้ยังไม่จริง”

“ผมคิดว่าวันนี้ต้องรีบคลายล็อกดาวน์ แล้วก็เน้นให้ความรู้กับประชาชน เหมือนที่ไต้หวันทำ ไต้หวันเน้นให้ความรู้ประชาชนแล้วประชาชนร่วมมือทำ และประชาชนมีวินัยมาก ก็เลยทำให้ไต้หวันไม่ระบาดมาก และตายน้อย รักษาหายมาก เหมือนของเราปัจจุบัน เพราะระบบสาธารณสุขของเราแข็งแรง เพราะฉะนั้นเราดีตรงนี้ เราจึงไม่มีปัญหาตรงนี้ เพียงแต่ว่าต้องให้ความรู้ ต้องให้ประชาชนรู้อย่างแท้จริงว่า เรื่องการรักษาสุขอนามัยควรจะมีอะไรบ้าง เรื่องการป้องกันตัวเองมีอะไรบ้าง ที่สำคัญคือ คนที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรที่จะออกไปข้างนอก แต่ถ้าคนแข็งแรงไม่เป็นไรเพราะมีภูมิต้านทาน เชื้อพวกนี้ถ้าคนมีภูมิต้านทาน ไม่ติดง่ายๆ หรอก เพราะฉะนั้นเรากลัวเกินเหตุ เพราะเราไม่รู้จริงของเชื้อโรค แล้วอีกอย่างที่เราตกใจกันมาก เพราะเราไปตกใจตัวเลขทั่วโลก แล้วผมไปนั่งสังเกตดูทั่วโลกกระทั่งประเทศเจริญแล้วอย่างอเมริกา หรือประเทศอิตาลี หรือสเปน ใช้ตรวจส่วนใหญ่ด้วย Antibody test (ตรวจหาภูมิคุ้มกัน) ซึ่ง Antibody test ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นโคโรนาหรือไม่เป็น บอกได้แค่ว่ามีไวรัส เพราะฉะนั้นถ้าไม่บอกว่าเป็นโคโรนา แล้วเรา ซึ่งอาจจะมีโคโรนาอยู่ด้วย กลายเป็นเอาคนที่มีโคโรนาและไม่มีโคโรนาไปปนกัน ทำให้ติดกันได้ แล้วที่อิตาลีตายเยอะ เพราะเป็นคนแก่และมีโรคประจำตัวอยูาแล้ว แล้วหน้านี้เป็นหน้าที่เขาเรียกว่า Flu season หน้าที่ผ่านมาตอนที่ระบาด เพราะฉะนั้นไข้หวัดใหญ่มันก็เป็นไวรัส โคโรนาก็เป็นไวรัส เราก็จับไปรวมกัน ซึ่งปกติไข้หวัดใหญ่ตายปีละเป็นหมื่นๆ อยู่แล้ว”

นายทักษิณ ยังยอมรับกับคำถามที่ว่าเพราะไม่ได้เป็นคนนั่งแก้ปัญหาแรงงานกดดันจึงไม่มีและทำให้มองได้มากกว่าคนอื่น ว่า “ใช่ อาจจะเป็นได้ครับ ผมมีเวลาศึกษา มันว่างงานอยู่บ้าน โทรหาคนนั้นคนนี้เพื่อตรวจสอบ แล้วก็อ่านบทความเยอะเลย เลยรู้ว่า เรากำลังเอาเศรษฐกิจก้อนใหญ่เลย ไปแลกกับเรื่องที่เราสามารถป้องกันได้เกือบจะเป็นศูนย์ มันมากไปหรือเปล่า แพงไปหรือเปล่า ช้ำไปหรือเปล่า”

นอกจากนี้ นายทักษิณ ได้ตอบคำถามถ้าวันนี้เป็นคนจัดการกับปัญหาไวรัสโควิด-19 “ผมคงไม่กล้าวิจารณ์อะไร เพราะผมคิดว่ารัฐบาลเป็นคนทำงาน เขาคงตั้งใจเต็มที่ เราก็ไม่รู้ แต่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องการให้ความรู้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รู้เท่ากับรัฐบาล ถ้าประชาชนรู้เท่ากับรัฐบาล รัฐบาลคิดอะไรเขาก็คิดตรงกันทุกอย่าง เพราะต้องให้รู้เท่ากัน อันนี้สำคัญ”