‘The Crown’ เป็นซีรีส์ที่ทำขึ้นโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงและข้อมูลที่ค้นคว้ามาอย่างดี แต่แน่นอนว่ามีการตีไข่ใส่สี เติมชูรสเล็กน้อยให้อร่อยแซ่บสมกับความเป็นละคร ซึ่งทำให้เรื่องราวที่มีรสชาติอยู่แล้วเข้มข้นยิ่งขึ้น ซีซั่นนี้ก็คล้ายเดิม คือเป็นเรื่องราวของควีนอลิซาเบธและปัญหาที่เธอต้องเจอเมื่อเป็นประมุขของอังกฤษและจักพรรดิแห่งเครือจักรภพ แม้ว่าเลดี้ ไดอาน่า สเปนเซอร์ หรือ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ และ มากาเร็ต แธตเชอร์​ นายกหญิงคนแรกของอังกฤษ จะทอนความเด่นของควีนไปจากซีซั่นก่อนๆ อยู่บ้าง แต่นี่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ชี้ให้เห็นว่าอังกฤษมีราชินีและราชวงศ์ไว้ทำไม เราสรุปมาให้แล้ว 5 ข้อใหญ่ๆ

1. มีไว้เพื่อประทับตราอนุมัติ

เพราะหน้าที่ของราชินีคือการเป็นตราสัญลักษณ์ จึงต้องเป็นกลางทางการเมืองและงดมีความเห็นต่อสิ่งใดๆ ไม่ว่าจะทรงพอพระราชหฤทัยหรือไม่ หน้าที่ของพระองค์มีเพียงการประทับตราอนุมัติเท่านั้น ดังคำกล่าวของควีนอลิซาเบธในเรื่องที่ว่า

‘เรามีหน้าที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีทุกคน ไม่ว่าจุดยืนของเขาจะเป็นอย่างไร’

ตลอดทุกซีซั่นเราได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างควีนอลิซาเบธกับนายกฯหลายคน ทั้งที่ทรงโปรดและไม่โปรดนัก แต่ไม่ว่าจะทรงเห็นด้วยหรือไม่กับการตัดสินใจของนายกฯ ท่านก็รับฟังเรื่อยมาโดยแทบไม่มีการสั่ง หรือขัดขวางใดๆ

2. มีไว้เพื่อที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

ดูย้อนแย้งกับข้อแรกที่ทรงต้องวางเฉยเรื่องการเมือง แต่หนึ่งในหน้าที่ของพระราชินีคือการพบนายกฯ อาทิตย์ละครั้งเพื่อฟังรายงานการดำเนินงานของรัฐบาล เราจึงได้เห็นพัฒนาการตั้งแต่กเมื่อทรงได้รับคำปรึกษาจาก วินสตัน เชอร์ชิล      ในซีซั่นหนึ่ง จนมาซีซั่นนี้ที่ทรงกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษาแทน

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาห้องนี้เป็นกึ่งห้องทำงาน กึ่งห้องนั่งเล่น กึ่งห้องสารภาพบาป และกึ่งโซฟาของนักบำบัดจิต”

หลายครั้งเราจะได้เห็นการใช้เวลาสั้นๆ นี้ให้คำปรึกษาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำให้นายกฯฉุกคิดอะไรได้ แค่เราจะเห็นได้น้อยหน่อยในซีซั่นนี้เพราะนายกหญิงใจแข็งสมฉายา The Iron Lady หญิงเหล็กของเธอเลยจริงๆ

3. มีไว้รับฟังประชาชน

เราได้เห็นความพยายามจากซีซั่นก่อนๆ ที่พระราชินีพยายามทำให้ราชวงศ์ใกล้ชิดประชาชนมากยิ่งขึ้น และเราก็ได้เห็นการใกล้ชิดสุดๆ อย่างที่คาดไม่ถึงในซีซั่นนี้ Ep. 5 เมื่อ ไมเคิล เฟแกน ประชาชนคนธรรมดาได้บุกเข้าไปคุยกับควีนอลิซาเบธถึงห้องบรรทม จริงอยู่ว่านี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ประชาชนได้พูดอะไรตามใจอยากกับกษัตริย์ โดยที่ไม่ต้อง ‘ทำตัวดีสุดชีวิต ต้องถอนสายบัวหรือหมอบคลาน’ แต่การสบตาและจับมือในตอนท้าย หรือตอนที่พระราชินีทรงถามว่ามีอะไรจะพูดอีกไหม และทรงตอบว่า ‘เราจะจำเรื่องที่คุณพูดใส่ใจไว้’ ด้วยความจริงใจ ที่ทำให้เฟแกนสงบลง ชี้ให้เราเห็นว่าในบางครั้งประชาชนก็เพียงต้องการให้ผู้ที่มีอำนาจฟังเขาอย่างจริงใจเท่านั้นเอง

4. มีไว้เพื่อประคองเครือจักรภพ

ประเทศในเครือจักรภพมักมีปัญหาเรื่องการอยากแยกตัวออกมาจากอังกฤษให้เห็นอยู่เนืองๆ และในซีซั่น 2 เราได้เห็นการแก้ปัญหาด้วยการเต้นรำที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลังที่กาน่า ส่วนในซีซั่นนี้เราได้เห็นมันอีกครั้งในรูปแบบอื่น กับการส่งราชวงศ์ไปเสด็จเยือนออสเตรเลียแทนพระราชินีที่เจ้าหญิงไดอาน่าและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์พลิกกระแสจากการแอนตี้ราชวงศ์มาเป็นไดอาน่าฟีเวอร์ได้ ซึ่งส่งผลให้ออสเตรเลียไม่ได้แยกตัวออกไปและยังคงอยู่ในเครือจักรภพมาจนทุกวันนี้

5. มีไว้เพื่อไม่ทำอะไรเลย

“การไม่ทำสิ่งใดเลย การไม่พูดอะไรทั้งนั้น นั่นแหละเป็นงานที่ยากที่สุด”

ควีนอลิซาเบธกล่าวไว้กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในซีซั่น 3 และเป็นเรื่องที่ถูกย้ำเรื่อยมาทุกซีซั่น แต่ไม่มีซีซั้นไหนจะชัดเท่าซีซั่นนี้ เพราะเมื่อพระราชินีได้ปล่อยให้หนังสือพิมพ์ตีข่าวเรื่องความไม่ลงรอยกันระหว่าพระองค์กับ มากาเร็ต แธตเชอร์ ก็มีผลลบตามมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นควีนอลิซาเบธตัดสินใจทำอะไรสักอย่างทั้งที่ปรกติแล้วจะทรงนิ่งเสมอมา และเราก็ได้เห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่าทำไมต้องทรงไม่มีความเห็นกับสิ่งใดทั้งสิ้น

แม้จะเป็นซีรีส์ที่มีเรื่องแต่งปนกับเรื่องจริงผนวกด้วยการปรุงแต่งอีกหลายสิ่ง แต่ซีรีส์ชุดนี้ก็ทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษ บทบาท ความรู้สึกนึกคิด การตัดสินใจที่ถูกต้องและผิดพลาดเหมือนกับคนทั่วไป และความสำคัญของราชวงศ์ที่มีต่อประเทศอังกฤษ อย่างชัดเจน

‘The Crown Season 4’ ยังคงเป็นซีรีส์ที่ดีเลิศทั้งการแสดง ภาพ เสียง และบทละครที่น่าเชื่อถือ และแม้เราจะรู้ตอนจบของหลายสิ่งอยู่แล้ว แต่เราก็ยังคงรู้สึกร่วมไปกับซีรีส์ได้อย่างไม่ขัดข้อง การย้ายโฟกัสจากควีนอลิซาเบธไปที่เจ้าหญิงไดอาน่าบ้าง และแบ่งเวลาบางส่วนไปให้แธตเชอร์ทำให้ซีซั่นนี้มีรสชาติแปลกใหม่น่าสนใจกว่าซีซั่นอื่น คราวนี้เราก็ได้แต่รอว่าซีซั่นหน้า เรื่องราวและแคสท์ใหม่ที่นำทีมโดน อิเมลด้า สทอนตัน (นักแสดงที่เล่นเป็นศาสตราจารย์อัมบริจน์ จากแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นแหละ) ในบทควีนอลิซาเบธ จะพาเราไปเจอกับอะไรบ้างในสองซีซั่นสุดท้ายของ ‘The Crown’