สื่อนอกที่มักจัดอันดับ ‘มหาเศรษฐี’ ของโลกอย่างนิตยสาร Forbes ประเมินว่านักร้องสาวตัวแม่อย่าง Taylor Swift ใกล้เข้าสู่การเป็นมหาเศรษฐี หรือ Billionair แล้ว (เศรษฐีที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) จากยอดขายตั๋วคอนเสิร์ต The Eras Tour
จากรายงานของ Pollstar บอกว่า การจัดคอนเสิร์ต 22 ครั้งแรกของ The Eras Tour นั้นสร้างรายได้มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 10,700 ล้านบาท ซึ่งทำให้นี่กลายเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุดในอเมริกาเหนือและทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 – 17 พฤษภาคม 2023
Forbes ประเมินว่าหลังจากจ่ายค่าโปรโมเตอร์คอนเสิร์ต Messina Touring Group และค่าใช้จ่ายเรื่องโปรดักชั่น Swift จะทำรายได้ได้ประมาณ 110 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,920 ล้านบาท)
และเมื่อหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ภาษี, ค่าตัวผู้จัดการ, ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฯลฯ Forbes ประเมินว่าเธอจะเหลือรายได้ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,070 ล้านบาท) จากการแสดง The Eras Tour จนถึงตอนนี้ ซึ่งนั่นจะทำให้ความมั่งคั่งของ Swift เพิ่มขึ้นเป็น 780 ล้านดอลลาร์ โดยรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นๆ แล้ว
ทั้งนี้ The Eras Tour กวาดรายได้มากเป็นสองเท่าของทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสองของโลกอย่าง Bruce Springsteen & The E Street Band ที่ทำเงินได้ 142 ล้านดอลลาร์
ขณะที่คอนเสิร์ต Love On Tour ของ Harry Styles กวาดรายได้สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก ทำรายได้ไป 124 ล้านดอลลาร์ จากการแสดง 34 รอบ
รายได้จากคอนเสิร์ต The Eras Tour ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง ด้วยรายรับเฉลี่ย 13.6 ล้านดอลลาร์ต่อรอบการแสดง โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือก็โกยรายได้ไปได้ถึง 700 ล้านดอลลาร์ แล้วลองนึกดูว่าคอนเสิร์ตของเธอจัดแสดงในอีก 50 ประเทศทั่วโลก รายได้จะพุ่งไปขนาดไหน
Pollstar ประเมินว่าในที่สุดแล้ว Eras จะทุบสถิติสร้างรายได้ 1,400 ล้านดอลลาร์ได้ในเดือนสิงหาคม 2024
และเมื่อรวมกับรายได้จาก Speak Now (Taylor’s Version) อัลบั้มในปี 2010 ที่เอามา re-record ที่จะปล่อยออกมาในสัปดาห์หน้า อาจทำให้ความมั่งคั่งของนักร้องสาวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 900 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า
มองโดยรวมแล้วซัมเมอร์ปีนี้ของ Swift นั้นไม่ใช่ “ฤดูร้อนที่โหดร้าย” (Cruel Summer) เลย