ในโลกของสกินแคร์ที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ซับซ้อนและแคมเปญโฆษณาหรูหรา แบรนด์ส่วนใหญ่มักเน้นความพิเศษของส่วนผสมและการใช้คนดังเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อดึงดูดผู้บริโภค แต่ The Ordinary แบรนด์สกินแคร์สัญชาติแคนาดา กลับฉีกแนวทางเหล่านั้นไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการยืนหยัดในความ “ธรรมดา” แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้

จากแนวคิดที่ว่า “ของดีไม่จำเป็นต้องแพง” The Ordinary ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมความงาม ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์หรูหราหรือแคมเปญโฆษณาอลังการ แต่เป็นส่วนผสมที่มีคุณภาพและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

จุดเริ่มต้นจากความคับข้องใจ สู่แบรนด์ที่ท้าทายมาตรฐานความงาม

The Ordinary เปิดตัวในปี 2016 ภายใต้บริษัท DECIEM ที่ก่อตั้งโดย Brandon Truaxe และในเวลาไม่ถึงทศวรรษก็สามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะให้ความสำคัญกับสารออกฤทธิ์หลัก (Single-Ingredient Skincare) นอกจากนี้ยังระบุชื่อส่วนผสมและความเข้มข้นไว้บนฉลากอย่างชัดเจน ไม่บรรยายคุณสมบัติยาวเหยียด ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจผลิตภัณฑ์และเลือกสิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองได้ง่ายขึ้น

“The Ordinary เกิดจากความคับข้องใจ” Ami Bi รองประธานฝ่ายแบรนด์ของ DECIEM กล่าวในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทย ซึ่งเธอเคยสงสัยว่าทำไมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคล้ายกันบางตัวจึงมีราคาต่างกันหลายเท่า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ที่โปร่งใส และให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพดีได้ในราคาสมเหตุสมผล

ทางด้าน Rita Silva ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารด้านวิทยาศาสตร์ของ The Ordinary กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่า ไม่ได้สร้างสรรค์สูตรที่แปลกใหม่อะไร แต่นำส่วนผสมสำคัญที่มีอยู่แล้วมาใช้ในรูปแบบที่เรียบง่ายและโปร่งใส โดยไม่มีการบวกต้นทุนจากการผสมสารที่ซับซ้อน ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่พวกเขาใช้คือสารออกฤทธิ์ที่ให้ผลจริง และสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับปัญหาผิวของตัวเองได้

แม้ว่า The Ordinary จะไม่ได้ใช้งบประมาณไปกับการตลาดขนาดใหญ่ ส่วนตัวผลิตภัณฑ์ก็ใช้ส่วนผสมที่เรียบง่าย แต่กลับได้รับความนิยมอย่างมากจากกระแสการบอกต่อของผู้ใช้จริง โดยในปี 2021 แบรนด์นี้เคยติดอันดับหนึ่งของคำค้นหาสกินแคร์ยอดนิยมบนอินเทอร์เน็ต ด้วยรีวิวที่แพร่หลายบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนรู้จักและอยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่ก่อนหน้านี้แบรนด์ยังไม่เข้ามาอย่างเป็นทางการ กลับพบว่ามีฐานผู้บริโภคอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว โดยต่างพรีออเดอร์หรือหิ้วมาเองจากต่างประเทศ

แต่ตอนนี้ผู้บริโภคคนไทยไม่ต้องใช้วิธีนั้นอีกต่อไป เพราะ The Ordinary ได้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ผ่านหน้าร้านเครื่องสำอางและสกินแคร์ชั้นนำ รวมถึงช่องทางแอปช้อปปิ้งออนไลน์

โปร่งใสและจริงใจ คือหัวใจของ The Ordinary พร้อมเข้าสู่ประเทศไทยแล้ววันนี้ 

ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถเสิร์ชหาข้อมูลได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว พวกเขาสามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ได้ง่าย ทำให้การโฆษณาแบบเก่าที่เน้นความหรูหราอาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป The Ordinary ได้พิสูจน์แล้วว่าความโปร่งใสและความจริงใจคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ

แทนที่จะเน้นโฆษณา The Ordinary กลับให้ความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมและกระบวนการทำงานทางวิทยาศาสตร์ของสกินแคร์ เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาที่สมเหตุสมผลโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ

หลังจากประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก The Ordinary ได้เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นประเทศที่ 3 ในอาเซียนต่อจากสิงคโปร์และมาเลเซีย การขยายตลาดครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะผู้บริโภคไทยจำนวนมากรู้จักแบรนด์นี้อยู่แล้วและเฝ้ารอการเข้ามาอย่างเป็นทางการ

Ami Bi กล่าวถึงการเข้ามาในตลาดประเทศไทย โดยมองว่าสภาพผิวของผู้บริโภคในเอเชียมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวมัน หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย โดย The Ordinary มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด และด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ผู้บริโภคจึงสามารถทดลองใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

การขยายตลาดมายังประเทศไทยเป็นเพียงก้าวแรกของ The Ordinary ในภูมิภาคเอเชีย ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา แบรนด์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความ “ธรรมดา” สามารถเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ หากขับเคลื่อนด้วยคุณภาพและความจริงใจ และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ The Ordinary ไม่ธรรมดาอย่างที่ชื่อแบรนด์ว่าไว้