ก่อนหน้านี้ Adobe ประกาศตั้งสำนักงานในประเทศไทย จนหลายคนพูดติดตลกว่า Adobe จะมาจับซอฟต์แวร์เถื่อนรึเปล่า ล่าสุด TODAY Bizview ได้คุยกับ ไซมอน เดล, รองประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลีของ Adobe ถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของการตั้งสำนักงานในไทย
คุณไซมอน บอกว่า การตั้งสำนักงานในไทย ช่วยให้ Adobe สื่อสารกับลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้า Experience Cloud ซึ่งมักเป็นกลุ่มธุรกิจได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องนัดหมายเวลาเพื่อบินมา หรือสื่อสารกันระยะไกล
นอกจากนี้ Adobe ยังอยากนำโซลูชั่น Experience Cloud ซึ่งเป็นเครื่องมือ MarTech หรือเทคโนโลยีการตลาด เข้ามาแนะนำในไทยมากขึ้น เนื่องจากยังมีหลายคนไม่รู้ว่า Adobe มีธุรกิจนี้ด้วย โดย Adobe คาดหวังจะนำโซลูชั่นเจาะกลุ่มธุรกิจกลางและเล็กในไทยมากขึ้น
และช่วงปลายเดือน พ.ค. นี้ Adobe จะจัด Adobe Summit ในไทย เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ความสามารถของเครื่องไม้เครื่องมือ Adobe ให้พาร์ทเนอร์ในไทย
ส่วนเรื่องซอฟต์แวร์เถื่อน หรือ Adobe เถื่อน ทางคุณไซมอนบอกว่า ที่ผ่านมา Adobe สื่อสารไปยังผู้ใช้งานอยู่เรื่อยๆ ว่า การใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ที่สำคัญ การใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน จะไม่ได้รับการอัพเดตความสามารถใหม่ๆ จาก Adobe ได้
อย่างไรก็ตาม คุณไซมอน มองตลาดครีเอทีฟในไทยว่าสามารถไปได้ไกล มีโอกาสโตสูงได้ทัดเทียมสิงคโปร์ ทางคุณไซมอน ก็กำลังตั้งตารอว่า การเลือกตั้งและรัฐบาลใหม่ จะช่วยส่งเสริมความครีเอทีฟและเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยอย่างไรได้บ้าง
นอกจากนี้ Adobe ยังเผยผลสำรวจในกลุ่มผู้บริโภคจำนวน 13,000 ราย และผู้เชี่ยวชาญในสายงานด้านการตลาดและ CX (customer experience) นักการตลาดจำนวน 4,250 ราย จาก 14 ประเทศ คือ ไทย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, อินเดีย, สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ผลสำรวจพบว่า
- มีเพียง 54% ของนักการตลาดที่ใช้ดาต้าในการหาข้อเสนอขั้นต่ำของผลิตภัณฑ์ก่อนที่ลูกค้าจะพิจารณาซื้อ (table stakes-level purposes) เพื่อช่วยทำให้เข้าใจช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับลูกค้า หรือเลือกช่องทางในการสื่อสาร เป็นต้น
- น้อยกว่าครึ่ง (46%) ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ช่องทางดิจิทัลในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย
- 44% ใช้ดาต้าเพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ
- 43% ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
- 43% ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า
- 42% ใช้เอกสารดิจิทัลและลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เพื่อช่วยปิดการขายอย่างรวดเร็ว
ซึ่งจากเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังโตขึ้น จะกลายเป็นเศรษฐกิจที่แท้จริงอย่างรวดเร็ว แบรนด์ นักการตลาด จำเป็นต้องปรับตัว เพราะความคาดหวังของลูกค้าและผู้ใช้งานจะสูงขึ้นตามไปด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง