Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สถานการณ์ TikTok ง่อนแง่นอีกครั้ง เมื่อ Brendan Carr หนึ่งในกรรมการ FCC เทียบได้กับ กสทช. สหรัฐฯ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงแอปเปิล และกูเกิล ให้ถอดแอป TikTok ออกจากร้านค้าแอป 

“ในขณะที่เรามองว่ามันเป็นแอปเพื่อความบันเทิง แต่จริงๆ แล้วมันคือหมาป่าหุ้มหนังแกะ ตัวแอปรวบรวมข้อมูลเซนซิทิฟไว้มาก และมันสามารถเข้าถึงได้จากคนที่อยู่ปักกิ่ง”  Carr กล่าว 

เขาพูดโดยอ้างอิงข่าวเจาะของ BuzzFeed ที่หาข้อมูลภายในมาได้ว่า ข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มีการเข้าถึงได้จากเจ้าหน้าที่จากปักกิ่ง แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เรื่อง TikTok มีรายละเอียดมาก และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ พยายามจะแบนแอป แต่ TikTok ก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง และให้สัญญากับผู้ใช้งานและรัฐบาลอยู่เรื่อยๆ ว่าจะเก็บรักษาข้อมูลให้ปลอดภัย

ในบทความนี้จะค่อยๆ เท้าความว่าเกิดอะไรขึ้นกับ TikTok ทำไมจากแอปขวัญใจวัยรุ่น ถึงกลายเป็นภัยความมั่นคงของรัฐไปได้

[ ข้อมูลใดๆ คนจากจีนเห็นหมด ]

เริ่มจากรายงานของ BuzzFeed กันก่อน บทความเผยแพร่เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นรายงานจากคลิปเสียงประชุมจากในองค์กร พบว่า พนักงาน ByteDance ในจีน (บริษัทผู้สร้างแอป TikTok) สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐฯ และทำมาหลายเดือนแล้วด้วย 

มีคำพูดจากพนักงาน TikTok 9 คน ระบุว่าวิศวกรในจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้สหรัฐฯ ได้ อย่างน้อยๆ ก็ตั้งแต่ ก.ย. ปีที่แล้ว จนถึง ม.ค. ปีนี้

ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของผู้บริหาร TikTok ที่บอกว่า ทีมรักษาความปลอดภัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกในสหรัฐ เป็นผู้ตัดสินใจว่า ใครสามารถเข้าถึงข้อมูลได้บ้าง 

แต่ข้อมูลคลิปเสียงกลับชี้ไปอีกทาง บอกว่า พนักงานสหรัฐฯ ต้องหันไปหาเพื่อนร่วมงานในจีน เพื่อดูการทำงานของข้อมูล และจริงๆ แล้ว พนักงานในสหรัฐฯ ไม่ได้รับอนุญาต หรือมีความรู้ในการเข้าถึงข้อมูลด้วยตนเอง

ทีเด็ดอยู่ตรงข้อความนี้ เจ้าหน้าที่ในแผนก Trust and Safety ของ TikTok กล่าวในการประชุมเดือนกันยายนปี 2021 ว่า “ทุกอย่าง จีนเห็นหมด” และ “ผู้ดูแลระบบหลักมีสิทธิ์เข้าถึงทุกสิ่ง” 

[ TikTok ออกมาแก้ไขทันควัน ]

ทันทีที่ข่าวคลิปเสียงเริ่มแดงขึ้นมา TikTok ก็ออกมาบอกทันทีว่ากำลังย้ายข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ ไปยังเซิร์ฟเวอร์ Oracle ที่จัดเก็บในประเทศ โดยใช้ชื่อโปรเจกต์นี้ว่า Project Texas  และที่ผ่านมาก็พยายามบอกกับสังคมมาตลอดว่า จะไม่ส่งข้อมูลผู้ใช้สหรัฐฯ กลับไปจีน

แต่ภายหลัง  Shou Zi Chew ซีอีโอ TikTok เขียนจดหมายถึงรัฐบาล ยอมรับว่า มีพนักงานในจีนบางส่วนเข้าถึงข้อมูลได้จริงแต่ต้องได้รับอนุญาตจากทีมในสหรัฐฯก่อน มีโปรโตคอลที่รัดกุม

ซึ่งต่อไป ชุดข้อมูลที่พนักงานในจีนจะมองเห็นได้ จะแคบลงมาก ไม่มีข้อมูลเซนซิทีฟ มีแต่ข้อมูล public เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของแอป ที่มีคนใช้งานทั่วโลก 

และเช่นเคย TikTok ยังย้ำว่า ไม่แชร์ข้อมูลให้รัฐบาลจีน ที่เป็นพรรคฝั่งคอมมิวนิสต์แน่นอน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนก็ไม่ได้ขอข้อมูลใดๆ 

[ ย้อนรอย TikTok ศัตรูของทรัมป์ ]

ดราม่า TikTok ในสหรัฐฯไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ราวๆ 2 ปีที่แล้ว สมัยรัฐบาลทรัมป์ ก็มีการประกาศสงครามกับ TikTok มาแล้ว 

ต้องบอกก่อนว่า บรรยากาศของทรัมป์ในตอนนั้นแอนตี้จีนหนักมาก ทำสงครามการค้า และโจมตีจีนด้วยประเด็นความมั่นคงอยู่เรื่อยๆ มีการแบล็กลิสต์สินค้าจากจีนหลายประเภทตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และกระทบมายังแอปจีนด้วย

ระเบิดลูกแรกลงที่ Huawei, ZTE  รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศห้าม ไม่ให้บริษัทในประเทศทำการค้าร่วมกับทั้งสอง

ส่วน TikTok, WeChat ก็โดนผลกระทบมาเป็นทอดๆ เพราะต้องสงสัยว่าเป็นแอปที่รัฐบาลจีนใช้เป็นเครื่องมือสอดแนมสหรัฐฯ และยังมีประเด็น Privacy ที่ยังแก้ปัญหาไม่ขาด

ตอนนั้น ทรัมป์ สั่งเลยว่า TikTok ต้องหาเจ้าของคนใหม่ ให้แน่ใจว่าตัวเอง จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจีนอีกต่อไปแล้ว 

ตอนนั้น TikTok วิ่งวุ่นหานายทุนเทคโนโลยีสหรัฐฯมากมาย ทั้ง Microsoft, Oracle, Twitter ให้มาซื้อบริษัทตัวเอง

แต่เรื่องราวก็มาลงเอยที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ ยกเลิกคำสั่งแบนแอป TikTok รวมถึงแอปจีนอื่นๆ เป็นการปิดฉากของดราม่าแอปจีนในสหรัฐฯ TikTok ก็หายใจคล่องคอขึ้นมาอีกครั้ง ให้บริการในสหรัฐฯต่อไปได้ 

[ TikTok จะรอดจากการถูกแบนครั้งนี้หรือไม่ ]

แต่ผ่านมาสองปี ฝันร้าย TikTok กลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้มีบรรยากาศที่ต่างจากสมัยทรัมป์ เพราะมีทั้งข่าวหลุดและคลิปเสียงหลุดออกมา ที่สำคัญ คนชงเรื่องไปยัง Google, Apple ให้แบนแอป ยังเป็นกรรมการ FCC ที่มีหน้าที่กำกับดูแลเรื่องนี้โดยตร

จนถึงตอนที่เขียนบทความนี้ ก็ยังไม่มีท่าทีจาก Google, Apple ออกมาว่าจะจัดการยังไงกับ TikTok 

และแม้ไบเดน จะยกเลิกคำสั่งของทรัมป์ไปแล้ว แต่แนวทางของไบเดน ก็พร้อมจะรับมือ หากมีหลักฐาน หรือมีมูลที่ชี้ได้ว่า มีความพยายามเข้าถึงข้อมูลประชากรสหรัฐฯ ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนก็ตาม

และถ้า TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯจริง คนที่ยิ้มออก ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น Facebook เพราะ TikTok เป็นหนามยอกอกมานาน ผู้ใช้งาน Facebook หนีหายไปใช้ TikTok กันเยอะ ล่าสุดขึ้นแท่นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันแล้ว 

ซึ่ง TODAY Bizview จะติดตามสถานการณ์ TikTok อย่างใกล้ชิด และนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไป 

ที่มา : BuzzFeed, TechCrunch, Variety, Workpoint TODAY, Blognone, Mac Rumors

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า