ไทม์ไลน์ เพจดังแฉกลุ่มกักตุนหน้าอนามัยโยงคนสนิทรัฐมนตรี

เพจเฟซบุ๊กของบุคคล ที่ถูกระบุว่า เป็นผู้กักตุนหน้ากากอนามัย จำนวนมากครั้งนี้ ได้โพสต์ภาพการซื้อขายหน้ากากอนามัยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเลขาตัวแทนรัฐบาล

เพจแหม่มโพธิ์ดำ ได้ลงภาพเช็คมีรายละเอียด พร้อมระบุว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ จำนวนเงิน 14 ล้านบาทถ้วน

20 กุมภาพันธ์ เพจเฟซบุ๊กของชายที่ถูกระบุว่าเป็นผู้กักตุนหน้ากากอนามัย โพสต์ภาพถ่าย และโชว์นามบัตร ระบุชื่อ นายพิตตินันท์ รักเอียด มีการเช็คอินสถานที่ คือโรงแรมแมริออท ย่านสุขุมวิท

ซึ่งตรงกับคำชี้แจงของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ระบุว่า นายพิิตตินันท์ เคยไปที่โรงแรมแมริออท

เพจแหม่มโพธิ์ดำ ลงคลิปวิดีโอ 2 คลิป ขณะคนงานกำลังขนกล่องขนาดใหญ่ โดยคลิปหนึ่งมีเสียงผู้บรรยายว่า รับของจากโรงงานสองแสนชิ้น อีกรอบหนึ่งจะมีการส่งสองล้านชิ้น ยืนยันมีใบเซอร์ หรือ Certificate คือใบรับรองคุณภาพ สามารถส่งออกได้ เป็นหน้ากากอนามัยที่ใช้ในห้องผ่าตัด

ในคลิป ชายคนที่ถูกระบุว่าเป็นผู้กักตุนหน้ากากอนามัย ยังชี้ชวนให้ไปดูว่าสินค้าเก็บอยู่ที่ไหน แล้วปรากฏป้ายข้อความว่า “สถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน” เพื่อยืนยันว่า หน้ากากอนามัยจะส่งออกไปต่างประเทศ

เพจแหม่มโพธิ์ดำ ยังชวนสังเกตว่า หน้ากากอนามัยผลิตในประเทศไทย ข้างกล่องระบุชื่อบริษัท “ทรู ไลน์ เมด จำกัด”

เพจเฟซบุ๊กของชายที่ถูกระบุว่ากักตุนหน้ากากอนามัย โพสต์ภาพรถหรูป้ายแดงที่จอดอยู่ในปั๊มน้ำมัน พร้อมข้อความว่า “หลับใน ทำงานโหลดนอนที่นี่แล้ว ชีวิตรัฐบาลประยุทธ ทุกอาชีพนิ่งสงบ ยกเว้น อาชีพ ขายหน้ากากอนามัย”

เพจ กูเป็นกลางจริงๆ นะ มีการเปิดเผยชื่อของหนึ่งในคนที่อยู่ในขบวนการว่าเป็นผู้ติดตามรัฐมนตรีท่านหนึ่ง มีบัตรเข้า-ออกบริเวณรัฐสภาได้

ลำดับเวลา หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม

1. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม หลังจากที่ประชาชนสะท้อนว่าหาหน้ากากอนามัยยาก http://ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/028/T_0055.PDF

2. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ มีประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ส่วนสำคัญเรื่องการส่งออกหน้ากากอนามัยนั้น ประกาศระบุชัดว่า ถ้าส่งออกเกิน 500 ชิ้นขึ้นไปต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมการค้าภายในก่อน https://workpointnews.com/2020/02/06/mask-control/ 

6 มีนาคม เพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ผู้ใดกักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสขายเกินราคา มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

1. ผู้กักตุนหน้ากากอนามัย ชื่อ นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรีไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับตน
2. นายพิตตินันท์ รักเอียด คณะทำงานของตน
ได้พบกับนายศรสุวีร์ ที่โรงแรมแมริออท แต่ไม่มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยเป็นการพบกันครั้งแรก
3.ให้นายพิตตินันท์ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์แล้ว
4. นายพิตตินันท์ เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส. เขต 6 สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานจริง แต่หากพบว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายศรสุวีร์ ตนพร้อมให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับนายพิตตินันท์