SHARE

คัดลอกแล้ว

ทำงาน ได้เลื่อนขั้น เงินเดือนมากขึ้น ย้ายงาน ปรับตำแหน่ง เรียนรู้งานใหม่ ปรับตัวได้ งานดี เลื่อนขั้น เงินเดือนมากขึ้น ชีวิตมนุษย์เงินเดือนล้วนวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเกษียณ

เมื่อถึงจุดหนึ่งคนทำงานหลายคนอาจต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า ‘Mid-career Crisis’ หรือวิกฤติวัยกลางคน แม้หน้าที่การงานจะเข้าที่เข้าทางแล้วแต่กลับรู้สึกว่า ชีวิตราบเรียบ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ปีแล้วปีเล่าที่ต้องจมจ่อมกับกิจวัตรแบบเดิม

หากกำลังเกิดอาการคล้ายๆ กันนี้ โปรดรู้ไว้ว่า คุณไม่ใช่คนเดียว เพราะนี่คือ ‘วิกฤติร่วม’ ที่คนวัย 40 อาจเลี่ยงไม่ได้

ศาสตราจารย์จากภาควิชาภาษาศาสตร์และปรัชญา สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ แชร์ประสบการณ์ว่า ตนเองเกิดความรู้สึก ‘ไม่บวกไม่ลบ’ เช่นนี้มายาวนาน 

วันหนึ่งจึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนร่วมงานและคนใกล้ตัวฟัง ทำให้ค้นพบว่า เธอไม่ใช่คนเดียวที่กำลังเจอกับสถานการณ์เหล่านี้ 

เพื่อนของเธอบอกว่า ท่ามกลางความสำเร็จที่คนภายนอกมองเข้ามาแล้วคิดว่าชีวิตแบบนี้ก็มีความสุขดี แต่ทำไมตนกลับรู้สึกตรงกันข้าม รู้สึกเหนื่อยหน่ายและเสียใจ

บทความจากเว็บไซต์ ‘Harvard Business Review’ ระบุว่า มีงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า วัยกลางคนเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด 

โดย ‘David Blanchflower’ นักเศรษฐศาสตร์จากวิทยาลัยดาร์ตมัธ (Dartmouth College) และ ‘Andrew Oswald’ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม มหาวิทยาลัยวอร์ริก (University of Warwick) อธิบายว่า เส้นความพึงพอใจในชีวิตคนเราจะมีลักษณะเป็นรูป ‘ตัวยู’ 

เริ่มต้นในวัยหนุ่มสาวและโค้งงอถึงจุดต่ำสุดในช่วงวัย 40 จากนั้นจะฟื้นตัวพ้นจากช่วงโค้งงอเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งเส้นความพึงพอใจนี้เป็นลักษณะร่วมของผู้คนทั่วโลก ทั้งนี้ยังขึ้นกับตัวแปรอื่นๆ ด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงสถานะสู่บทบาทพ่อและแม่ การหย่าร้าง ถูกไล่ออกจากงาน เป็นต้น

ความเป็นไปได้ลดลง  ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น เส้นทางถูกจำกัดด้วยอดีต

เมื่อชีวิตเดินมาถึงวัยกลางคนเราจะพบว่า ความท้าทายอย่างหนึ่ง คือ “การยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”

‘Kieran Setiya’ ศาสตราจารย์ภาควิชาปรัชญาอธิบายด้วยหลักคิดปรัชญาว่า เมื่อชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ‘ความเป็นไปได้’ ก็จางหายไปด้วย

หมายความว่า ตัวเลือกในชีวิตหลายๆ อย่างล้วนถูกจำกัดด้วยการตัดสินใจในอดีตที่ผ่านมา

แม้ว่าเราจะประเมินการตัดใจตรงหน้าด้วยชุดข้อมูลที่มีอยู่ว่า เราสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริงที่ว่า ทุกทางเลือกจะนำไปสู่การจำกัดทางเลือกอื่นๆ ในอนาคต 

หากเด็กกว่านี้อีกสัก 20 ปี เราอาจเปลี่ยนเส้นทางอาชีพและการทำงานได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อถนนเส้นนี้เดินทางมาถึงตรงกลางแล้ว การตัดสินใจดังกล่าวก็ทำได้ยากขึ้นด้วยข้อจำกัดที่เราสร้างขึ้นมาในอดีต

‘Kieren’ ยังอธิบายเพิ่มด้วยว่า ความเสียใจและความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นแม้ชีวิตประสบความสำเร็จนั้น เป็นเพราะคุณค่าที่เราได้รับจากความสำเร็จไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือให้ความรู้สึกแตกต่างเหมือนครั้งยังเด็กอีกต่อไป

ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถทำโปรเจกต์นี้ผ่านไปด้วยดี ได้รับคำชื่นชมมากมาย แต่ที่ผ่านมาคุณก็เคยได้รับคำชมในลักษณะนี้มาแล้ว ผ่านความสำเร็จในรูปแบบคล้ายๆ กันมาหลายครั้งจนไม่รู้สึกว่า คำชมหรือความสำเร็จที่ได้รับแปลกใหม่จนสามารถสร้างความภาคภูมิใจได้อย่างไร 

นอกจากนี้ อายุที่เพิ่มขึ้นที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมายยังทำให้คุณคิดกล่าวโทษตัวเองได้ง่ายขึ้นด้วย

‘Kieran’ เล่าว่า มีเพื่อนของเขาที่ตัดสินใจทิ้งอาชีพนักวิชาการไปแล้วออกไปตามหาความฝันด้วยการประกอบอาชีพนักดนตรี แต่ 10 ปีผ่านไปอาชีพนักดนตรีของเธอกลับไม่ประสบความสำเร็จ 

เธอระบายกับ ‘Kieran’ ว่า สิ่งที่คิดอยู่เสมอคือความคาดหวังว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ 

แต่ในทางกลับกัน ‘Kieran’ ได้ให้คำแนะนำไปว่า หากเพื่อนของเขาไม่ตัดสินใจไปทำอาชีพนักดนตรี เธอก็คงไม่ได้พบสามี ไม่มีลูกสาวที่น่ารัก ไม่ได้มีหลายๆ อย่างในชีวิตแบบที่เธอเลือกก็เป็นได้

เสียใจได้ แต่ต้องเข้าใจ ‘ความเสียใจ’ ของตัวเองด้วย

การยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหา ‘Mid-career Crisis’ เพราะอาการป่วยไข้ที่ฝังลึกมากที่สุดไม่ใช่ความเสียใจ หากแต่เป็นความรู้สึกไร้ประโยชน์ ไร้คุณค่ากับอาชีพการงาน 

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าวเพราะเรากำลังใช้เวลากับการทำงานมากเกินไป ให้ลองแก้ปัญหาจากสองส่วนแบ่งออกเป็นพาร์ตการทำงานและพาร์ตชีวิตส่วนตัว ลองหาโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่เคยพับแผนลงไปในอดีตนำกลับขึ้นมาปั้นใหม่ในช่วงเวลานี้ 

โดยแบ่งโปรเจกต์เป็นสองส่วน คือ เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน และอีกส่วนเป็นพาร์ตชีวิตส่วนตัว เมื่อชีวิตมีเป้าหมายใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยผ่านมือมาก่อน มันจะช่วยชุบชีวิต เติมเต็มที่ว่างแห่งความสุขให้ตัวเองได้

สำหรับในมุมของบริษัทแล้ว องค์กรเองก็ต้องมีส่วนช่วยให้พนักงานผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปด้วยเช่นกัน วัยกลางคนคือช่วงเวลาแห่งความท้าทายที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว 

หลายองค์กรเข้าใจว่า ผู้หญิงวัยกลางคนมักเลือกโฟกัสครอบครัวมากกว่าการสร้างผลงาน องค์กรจึงเลือกที่จะช่วยสร้างสมดุลด้วยการลดจำนวนชั่วโมงการทำงานลง รวมถึงเสนอโปรแกรมการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อให้พวกเธอเลือกเวลาทำงานที่สะดวก-ตอบโจทย์ชีวิตได้ดีขึ้น 

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า คนทำงานในวัย ‘Mid-career’ คือ ช่วงวัยที่องค์กรต้องการตัวมากที่สุด เป็นแหล่งความสามารถของบริษัทที่สำคัญที่สุด 

พวกเขามีเส้นโค้งการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเพื่อนร่วมงานที่มีอายุน้อยกว่า มีแกนความรู้และเครือข่าย ‘คอนเนกชัน’ ที่ส่งผลดีกับการทำงาน หากองค์กรช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ก็จะทำให้คนทำงานมีความสุขมากขึ้น องค์กรเองก็สามารถรักษาคนคุณภาพเหล่านี้ให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ได้

ที่มา

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า