SHARE

คัดลอกแล้ว

ราชกิจจานุเบกษา แพร่ข้อกำหนด อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยไป ‘จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว’ พร้อมกำหนดมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย 2 ครั้ง ห้ามเปลี่ยนที่พัก รายงานตัวทุกวัน ห้ามออกนอกจังหวัดนำร่อง เว้นแต่พักในพื้นที่เกิน 14 วันแล้ว

วันที่ 29 มิ.ย. 2564 ราชกิจจานุเบกษา แพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 26) โดยมีสาระสำคัญ ระบุว่า ตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 และต่อมาได้ขยายเวลาการบังคับใช้เป็นคราวที่ 12 จนถึง 31 ก.ค. 2564 รัฐบาลเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง

รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในการกำหนดมาตรการรองรับและบูรณาการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ และให้ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินการควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรี จึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้

1.การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ให้เพิ่มข้อความเป็นข้อ ที่ 12 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อเพิ่มเติมบุคคลที่สามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้

“ข้อ 12 ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาล”

  1. มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การกำหนดพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ หลักเกณฑ์ และมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรข้างต้น ให้เป็นไปตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กำหนด

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษา แพร่คำสั่ง ศบค.ที่ 7/2564 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 11) เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันโควิดสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีการกำหนดมาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้

  1. ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน
  2. เดินทางมาจากประเทศหรือพื้นที่ซึ่ง ศบค. หรือ ศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ อนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศดังกล่าวเป็นเวลามี่น้อยกว่า 21 วันก่อนออกเดินทาง โดยให้มีเอกสารใช้ในการเดินทาง ดังนี้

– หนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry – COE)

– ใบรับรองแพทย์ว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 โดยวิธีการตรวจ RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

– กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดรวมถึงกรณีโควิด-19 วงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

– หลักฐานการชำระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR โดยระบุการเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 วันในโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนด กรณีอยู่น้อยกว่า 14 วัน ให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุห้วงระยะเวลาการเดินทางออกราชอาณาจักรด้วย

– เอกสารหรือหลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด เป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง

  1. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศของประเทศต้นทาง ก่อนออกเดินทาง

ขณะที่ มีมาตรการระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร

  1. มาตรการตรวจคัดกรองอาการและการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่
  2. ใช้ระบบติดตามหรือติดตั้งแอปพลิเคชัน ตามที่ราชการกำหนด โดยให้เปิดระบบติดตามไว้ตลอดเวลา
  3. ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมหรือที่พักโดยยานพาหนะที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ โดยต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใดๆ ก่อนถึงโรงแรมหรือสถานที่พัก
  4. ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ราชการกำหนด โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

– ตรวจหาเชื้อ 1 ครั้ง เมื่อเดินทางถึงราชอาณาจักร โดยห้ามเดินทางออกนอกที่พักจนกว่าผลตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อ

– กรณีพักอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 7 วัน ให้ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6-7 ของระยะเวลาการพำนักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

– กรณีพักอยู่ในราชอาณาจักร 10-14 วัน ให้ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6-7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12-13 ของระยะเวลาการพำนักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

  1. ผู้เดินทางออกนอกที่พักหลังจากทราบผลการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ให้รายงานตัวเมื่อกลับมาที่พักทุกวัน โดยห้ามไปพำนักค้างคืนที่อื่น
  2. กรณีเดินทางมาน้อยกว่า 14 วัน ห้ามออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเด็ดขาด และเมื่อครบกำหนดเวลาให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรทันที
  3. กรณีเดินทางมาไม่น้อยกว่า 14 วัน ให้เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนด้วย

ที่มา: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/143/T_0073.PDF

       http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/143/T_0076.PDF

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า