Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

การรถไฟแห่งประเทศไทย ทวงคืนพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต หลังผู้บุกรุกไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ ทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินการต่อไป หวั่นแล้วเสร็จไม่ตรงตามกำหนด

เจ้าหน้าที่นำแท่นปูนมากั้นไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าพื้นที่ของการรถไฟฯ

วันที่ 20 ก.ย. 62 นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กองบัญชาการตำรวจจราจร 02 กองบังคับการตำรวจรถไฟ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน และสำนักงานเขตจตุจักร ดำเนินการทวงคืนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในพื้นที่ก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต สัญญาที่ 1

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายวรวุฒิ เปิดเผยว่า พื้นที่ก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ในพื้นที่ก่อสร้างยังมีผู้บุกรุกอยู่ในพื้นที่ ไม่ได้มีการรื้อย้ายออก ทำให้ผู้ก่อสร้างไม่สามาถขื้นที่ได้ และทำให้ระยะเวลาการก่อสร้างช้ากว่ากำหนด ซึ่งทำให้ผู้รับจ้างอาจถือเป็นเหตุขอขยายระยะเวลาสัญญาจ้าง และรัฐจะเกิดความเสียหาย การรถไฟจึงต้องดำเนินการผลักดันผู้บุกรุกในพื้นที่การก่อสร้าง ประกอบด้วย
1. พื้นที่งานสัญญาที่ 1 พื้นที่งานก่อสร้างโรงงานซ่อมบำรุงและเก็บรักษาขบวนรถไฟฟ้า ที่ผู้บุกรุก กีดขวางงานก่อสร้าง
2. พื้นที่งานก่อสร้างถนนและแนวรั้วรอบพื้นที่โครงการ ที่ผู้รับจ้างไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ คือบริเวณใต้ทางยกระดับเข้าออกสถานีกลางบางซื่อ, บริเวณสถานีบริการก๊าซ NGV เดิม ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2 (พื้นที่ 35 ไร่) , ห้องแถวชั้นเดียว 20 ห้อง ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2 (พื้นที่ 35 ไร่) จ่ายค่ารื้อถอนแล้วผู้บุกรุกไม่ยอมรื้อถอนตามข้อตกลง , บริเวณอาคารพักอาศัยอาคารโฮปเวลล์ 2 ชั้น จำนวน 2 อาคาร หลังสถานีบริการก๊าซ NGV เดิม

รวมถึงบริเวณริมถนน BS7 มีผู้บุกรุกรายใหม่เข้ามาตั้งร้านค้าขาย โดยการรถไฟจะไม่จ่ายค่าชดเชยให้เพราะไม่มีการทำสัญญาก่อนหน้านี้ และพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ ที่ปัจจุบันไม่ได้ให้เข้าพื้นที่บริเวณนี้กับบุคคลหรือหน่วยงานใดแล้ว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การก่อสร้างทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะในเดือน ต.ค. 62 นี้ จะเริ่มนำขบวนรถไฟฟ้าเข้ามาเก็บในโรงงานซ่อมบำรุงใกล้เคียงกับผู้บุกรุกอยู่ ซึ่งขบวนรถไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ มีมูลค่าสูงและยังเป็นวัสดุปกรณ์ที่ต้องสั่งทำเฉพาะ หากเกิดความเสียหายหรือสูญเสียอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระยะเวลาเปิดการให้บริการเดินรถที่กำหนดไว้

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่การรถไฟได้ลงพื้นที่ติดประกาศขับไล่ผู้บุกรุกได้มีกลุ่มบุคคลเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ด้วยวิธีการนำรถยนต์จอดปิดทาง เข้า – ออก พื้นที่สถานีบริการก๊าซ NGV เดิม เพื่อไม่ให้รถบัสร่วมบริการของ บขส. และรถของ ขสมก. ตลอดจนผู้ที่เข้ามาใช้พื้นที่ 35 ไร่ ออกจากพื้นที่เพื่อกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงมีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในวันนี้ หากมีการขัดขวางการปฏิบัติการดังกล่าว การรถไฟฯ จะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะทำการขนย้ายรถยนต์ที่ผู้บุกรุกใช้ปิดกันพื้นที่เพื่อไม่ให้รถบัส รถตู้ หรือรถของประชาชนเข้า-ออกพื้นที่ดังกล่าว และจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้นั้น จนถึงที่สุด

นายชัยสิทธิ์ งามทรัพย์ ผู้ใช้พื้นที่ 35 ไร่

ขณะที่นายชัยสิทธิ์ งามทรัพย์ ผู้ใช้พื้นที่ 35 ไร่ เดินทางมาพร้อมทนายความ นำเอกสารหลักฐานใบเสร็จรับเงิน และเอกสารที่อ้างว่าเป็นหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้เข้าปรับปรุงพื้นที่ 35 ไร่ โดยจัดเก็บค่าประโยชน์ต่าง ๆ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหนังสือ ฉบับ ผห.007/2551 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2551 โดยปัจจุบันยังไม่ได้มีการ บอกเลิก สัญญาดังกล่าว  พร้อมระบุด้วยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย เคยได้รับเงินงบประมาณสำหรับการขนย้ายและเวนคืนพื้นที่การก่อสร้างจำนวนกว่า 100 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาไม่เคยนำเงินจำนวนนี้มาจ่ายชดเชยให้กับผู้ค้า จึงตั้งข้อสังเกตว่าการที่เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย นำกำลังเข้ามาบีบบังคับ ผู้ค้าออกจากพื้นที่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อไม่ต้องชำระค่ารื้นถอน รื้อย้าย และค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่ผู้ค้า

หลักฐานภาพข่าวที่ นายชัยสิทธิ์ งามทรัพย์ ผู้ใช้พื้นที่ 35 ไร่ นำมาแสดง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า