SHARE

คัดลอกแล้ว

ตั้งแต่ต้นปีมา มีข่าวที่สร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นข่าวการหายตัวไปของดาราจีน ‘ซิง ซิง’ บริเวณชายแดนแม่สอด-เมียนมา และกรณีไทยผลักดันชาวอุยกูร์กลับจีน จนสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ประกาศเตือนให้พลเมืองระมัดระวังความปลอดภัย หวั่นเกิดการก่อการร้าย

การท่องเที่ยวที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากช่วงโควิด-19 กลับมีอุปสรรคที่ต้องเรียกความเชื่อมั่นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันธุรกิจโรงแรมเองก็เผชิญกับคู่แข่งอย่างการปล่อยเช่าคอนโดรายวันซึ่งผิดกฎหมาย รายการ HEADLINE สำนักข่าว TODAY พูดคุยกับ เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

[นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย แต่ไปที่อื่น]

หลังผ่านพ้นการระบาดของโควิด-19 การท่องเที่ยวไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องเผชิญกับลักษณะของนักท่องเที่ยว และรูปแบบความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป เทียนประสิทธิ์ ฉายภาพให้เห็นว่าในอดีตพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนอาจนิยมมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่ปัจจุบันหันมาเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เรียกว่า ‘FIT’ (Free Independent Travelers) หรือนักท่องเที่ยวกลุ่มที่วางแผนการเดินทางเอง เลือกโรงแรมที่พักเอง และมักจะมากันเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเล็กๆ เข้าพักโรงแรมเกรดดีขึ้น และมียอดใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังต้องการกลุ่มทัวร์อยู่

“ในอดีตถ้าเราเห็นกรุ๊ปทัวร์จีน ภาษาท่องเที่ยวเขาเรียกว่า ‘First Stamp’ คือเป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมีพาสปอร์ตอันแรก แล้วเที่ยวนอกประเทศครั้งแรก แล้วก็มาเมืองไทย แต่นักท่องเที่ยวมีคุณภาพสูงขึ้น พอมีคุณภาพสูงขึ้น เขาก็มีทางเลือกอื่นด้วย แล้วก็ไม่มีผู้นำทางเขาคือไกด์หรือบริษัทนำเที่ยว ที่พาเขามาเหมือนในอดีต เราก็ต้องการนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เหมือนกัน…เพราะว่าในกลุ่มโรงแรมที่เคยรับนักท่องเที่ยวประเภทนี้ ก็ยังไม่ฟื้นเพราะว่าเขามาน้อย” เทียนประสิทธิ์ กล่าว

นายกสมาคมโรงแรมไทยให้ความเห็นว่า หากคิดว่าสาเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไม่มาก อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจ แต่พบข้อมูลว่าประเทศญี่ปุ่น กลับมานักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไม่ได้มีผล แต่เขาเลือกมาประเทศไทยน้อยลง นอกจากเรื่องค่าเงินที่ถูกลงและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ข่าวด้านความมั่นคงก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยน้อยลง

“เราดูเมื่อปลายปีที่แล้วนะ ยังไม่มีข่าวอะไรทั้งสิ้นเลย เราคิดว่าเราได้โมเมนตัมที่ดี ว่าการท่องเที่ยวน่าจะนิ่ง แล้วก็มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าจะเป็นไปได้ดี อาจจะโตสัก 7-10% จากปีที่แล้ว แต่พอช่วง ม.ค. เราก็เริ่มมีข่าวความมั่นคง…ถ้าตรงนี้ยังไม่สามารถคลี่คลาย แล้วสร้างความมั่นใจให้เขา หรือเขายังแพนิคอยู่ ตรงนี้กระทบ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นจำนวนอันดับหนึ่ง ถ้าเขามาไม่ถึงเป้า เป้ารวมทั้งประเทศมันก็ยาก” เทียนประสิทธิ์ กล่าว

[นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยน ทุนจีนปรับ]

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ยังส่งผลกับธุรกิจและการลงทุนของทุนจีนด้วย เทียนประสิทธิ์ ให้ความเห็นว่า ในอดีตก็พบเจอกรณี ‘ทัวร์ 0 เหรียญ’ ขณะที่ ปัจจุบันก็มีการมาซื้ออสังหาริมทรัพย์และเปิดเป็นที่พักอาศัย ตามข่าวจะเห็นได้ว่า มีการนำกุญแจไปวางซ่อนอยู่นอกอาคารเพื่อให้ลูกค้ามารับ นี่แสดงให้เห็นว่ามีการต่อต้านจากผู้ที่พักอาศัยอยู่ในอาคารชุด จึงไม่สามารถเข้าไปอยู่ในอาคารได้

“ต้องเรียนว่าคนที่นิยมจองในลักษณะนี้ เขาต้องการ Bargaining (ต่อรอง) เพราะว่าถ้าไปอยู่ในโรงแรมก็จะโดนควบคุมว่า หนึ่งห้องไม่เกินสองคน สามคนก็เป็น extra bed ไป แต่ว่าเท่าที่เราได้ทราบข้อมูล การจองห้องพักในลักษณะนี้ มากัน 5-6 คนในหนึ่งห้องนอน แล้วก็ส่งเสียงดัง เข้ายามวิกาล ลากกระเป๋า แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน”

เทียนประสิทธิ์ระบุว่า โชคดีที่มีกระแสนี้ออกมา ไม่เช่นนั้นคงจะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากที่เห็นมีการทำกันเป็นกิจจะลักษณะ ในอดีตอาจมีเจ้าของห้องที่เป็นคนไทยบางคนทำ แม้ว่าจะผิดกฎหมาย แต่ตามข่าวปัจจุบันนี้บางผู้ประกอบการมีขายกว่าร้อยห้อง

“ถ้าในกรุงเทพฯ ผมคิดว่าทุนจีนน่าจะเยอะ แต่ในพื้นที่อื่นๆ ก็อาจจะเป็นชาติอื่น คนไทยเป็นนายทุนลักษณะนี้ไม่เยอะ อาจจะเป็นเจ้าของห้อง1-2 ห้อง แต่ที่ได้ยินข่าวปิดกันเป็นทั้งชั้น แบบนี้ก็จะเป็นทุนต่างชาติมากกว่า” นายกสมาคมโรงแรมไทยระบุ

อย่างไรก็ตาม การนำห้องมาปล่อยเช่าในลักษณะดังกล่าว บางประเทศอาจสามารถทำได้ แต่ในไทยยังถือว่าผิดกฎหมาย ทีมข่าวสำนักข่าว TODAY พบว่าสามารถหาห้องพักลักษณะดังกล่าวได้ง่าย ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ

“ต่างชาติเขาไม่รู้ไงว่าห้องที่เขาเช่ามันผิดกฎหมาย ก็เห็นเปิดได้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องควบคุม จะแบนไม่แบนไม่รู้ แต่ก็ต้องควบคุมว่าเขาจะเอาสินค้าอะไรไปขายได้ แอปพลิเคชันที่เราซื้อของเยอะๆ มันไม่มีของผิดกฎหมายไปอยู่บนนั้นนะ ถ้ามีปุ๊บผมก็เชื่อว่ามีคนเข้าไปควบคุม แต่ว่าตรงนี้เราก็รู้แล้วว่าที่พักอาศัยแบบนี้มันผิดกฎหมายที่จะมาขายแบบนี้ ถ้ารัฐไม่ควบคุมก็ไม่รู้ทำยังไง” เทียนประสิทธิ์ กล่าว

ทั้งยังเปรียบเทียบกับการจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ดำเนินการจริงจัง แม้ว่าจะนำโดยชาติอื่นที่มาเป็นผู้นำ ดังนั้นหากถามว่าถ้าไม่อยากให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้น ก็ต้องเอาเจ้าของแพลตฟอร์มมาคุย และไทยก็ต้องสามารถควบคุมให้ได้ ว่ายังอยากที่จะให้มีแพลตฟอร์มแบบนี้หรือไม่

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า