คุยกับ Trip.com คนชอบจองห้องพักไปเที่ยว หลังดูรีวิวใน TikTok IG พุ่ง

ในปี 2024 ตลาดท่องเที่ยวโลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวเกือบ 99% จากช่วงก่อนโควิด-19 และมีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72 ล้านล้านบาท) นักเดินทางทั่วโลกกลับมาเดินทางกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในภูมิภาค ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป ที่ฟื้นตัวเร็วกว่าภูมิภาคอื่น ขณะที่ เอเชียแปซิฟิก ยังคงตามหลังเล็กน้อย

TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘บุน เซียน ชัย’ กรรมการผู้จัดการ และรองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ Trip.com Group แล้วจะมาสรุปให้ฟัง

‘บุน เซียน ชัย’ เล่าให้ฟังว่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและเอเชียในตอนนี้ จุดหมายปลายทางยอดนิยมยังคงเป็น ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย และไทย โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และกระบี่ ที่ยังคงได้รับความนิยมสูง แต่ในขณะเดียวกัน การจองที่พักและตั๋วเครื่องบินไป โตเกียวและเซี่ยงไฮ้ เพิ่มขึ้นเหมือนกัน พูดง่ายๆ ว่าภาคการท่องเที่ยวกำลังคึกคัก ยิ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวยิ่งให้ความสนใจกับการเดินทางที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย เช่น การยกเลิกการจองแบบยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้โรงแรมมีโอกาสรับลูกค้าเพิ่มขึ้น

[ พฤติกรรมของนักเดินทางเปลี่ยนไป ]

และถ้าเรามาดูพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในตอนนี้จะพบอินไซต์ว่า 

• • • • กลุ่มอายุ 30-50 ปี เป็นกลุ่มที่เดินทางมากที่สุด
      • 30% ของนักท่องเที่ยวเดินทางเป็นครอบครัว
      • นักเดินทางมักจองที่พักล่วงหน้า ประมาณ 2 สัปดาห์ และพักเฉลี่ย 2 คืน
      • นักเดินทางที่มีงบประมาณสูงให้ความสำคัญกับ คุณภาพการบริการ มากกว่าราคา

นอกจากนี้ ในปี 2025 เทรนด์ Live Streaming บนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นยอดจองโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมักค้นหาข้อมูลผ่านวิดีโอรีวิวก่อนตัดสินใจจอง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่

[ กระแสภาพยนตร์และซีรีส์ช่วยดันท่องเที่ยวไทย ]

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดประเทศไทยเราก็มีกระแสท่องเที่ยวของซีรีส์และภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในไทย ทำให้ช่วยกระตุ้นการเดินทางได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ และสมุย มีอัตราการจองที่พักเพิ่มขึ้นกว่า 20% หลังจากมีการถ่ายทำซีรีส์ยอดนิยมในพื้นที่

[ แนะแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโต ] 

‘บุน เซียน ชัย’ ยังแนะแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไว้หลักๆ 4 ข้อ ได้แก่ 

1. 1. 1. 1. รักษาคุณภาพการบริการ ไทยขึ้นชื่อเรื่องการต้อนรับที่อบอุ่นและอาหารที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ควรรักษามาตรฐานนี้ต่อไป
         2. พัฒนาแคมเปญการตลาดออนไลน์ โรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวควรใช้โซเชียลมีเดีย และระบบสมาชิกเพื่อดึงดูดนักเดินทาง
         3. ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ GSTC (Global Sustainable Tourism Council) และลดการปล่อยคาร์บอนจะเป็นที่ต้องการของนักเดินทางมากขึ้น
         4. ส่งเสริมจุดหมายรอง ควรขยายความนิยมไปยังเมืองรอง เช่น นครราชสีมา หรือสุราษฎร์ธานี เพื่อลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองในพื้นที่ยอดนิยม

สำหรับข่าวลือที่เมื่อที่บอกว่านักท่องเที่ยวจีนไม่กล้าเข้ามาในไทย เพราะกังวลด้านความปลอดภัย แต่ถ้ามาดูสถิติ ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ยอดจองเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อีกทั้ง นโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักเดินทางจีนยังช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น สะท้อนแล้วว่าไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ครองใจนักท่องเที่ยวจีน 

สรุปง่ายๆ ว่าตลาดท่องเที่ยวในปี 2024 กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางจีนและนานาชาติให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และการพัฒนาคุณภาพบริการจะช่วยให้ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกต่อไป