รถบรรทุก EV พลังงานไฮโดรเจน รายแรกของไทย มาแน่ปลายปีนี้ เติมเชื้อเพลงครั้งเดียว คาดวิ่งไกล 1,000 กม.

โตโยต้า ทูโช และ เดนโซ่ ประกาศจับมือ เน็กซ์ พอยท์ (NEX) พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ พลังงานไฮโดรเจน รายแรกในประเทศไทย โดยเตรียมให้บริการในกลุ่มบริษัทพันธมิตรทางธุรกิจ  ตั้งเป้าไตรมาส 4 ปี 2567 จะได้เห็นรถต้นแบบแน่นอน

โดยจะเน้นสำหรับใช้งานในกลุ่มรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีเป้าหมายให้รถที่ผลิตนั้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่ารถสันดาป สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลต่อการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้ง คาดว่าจะสามารถวิ่งได้ไกลมากถึง 1,000 กิโลเมตร

หากโครงการความร่วมมือครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ทางกลุ่มผู้พัฒนามีแผนที่จะขยายขนาดของโครงการเป็นฟลีทขนาดใหญ่ เพิ่มศักยภาพของห่วงโซ่อุปทานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในประเทศ ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศจากภาคขนส่ง

การร่วมมือกันครั้งนี้คือพัฒนาที่ก้าวไปอีกขั้น จากการผลิตยานยนต์เชิงพาณิชย์ พลังงานไฟฟ้า 100 % มาเป็นพลังงานไฮโดรเจนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องไปกับนโยบายของรัฐบาล ที่พยายามผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรถบัสโดยสารไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้า

โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ 2 เท่าในกรณีที่ซื้อรถที่ผลิตหรือประกอบในประเทศ รวมทั้งผลักดันให้หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เปลี่ยนมาใช้รถ EV  เพื่อร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และฝุ่น PM 2.5

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ ทั้ง 3 บริษัทมีส่วนร่วมในการออกแบบบูรณาการรถบรรทุก

• โตโยต้า ทูโช รับผิดชอบทางด้านการประสานงานโครงการพัฒนา การจัดหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฮโดรเจน และให้ความร่วมมือในการประเมินประสิทธิภาพของยานพาหนะ
• เดนโซ่ จะพัฒนาและจัดเตรียมข้อมูลของระบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) รวมถึงการสนับสนุนด้านเทคนิคและร่วมมือในการประเมินรถ
• เน็กซ์ พอยท์ รับผิดชอบในการพัฒนารถ การผลิตและดัดแปลงยานยนต์ที่จะใช้เป็นพื้นฐานรวมถึงการติดตั้งและทดสอบผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด

โครงการนี้ เป็นการร่วมมือกันพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยมุ่งเน้นที่ยานยนต์เชิงพาณิชย์เป็นหลัก เนื่องจากสามารถช่วยลดผลกระทบต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากที่สุด

ปัจจุบันโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ของ NEX มีกำลังการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละประมาณ 9,000 คัน บริษัทฯ ยังมีขีดความสามารถในการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

อีกทั้งความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าของเน็กซ์ พอยท์ ซึ่งมีทั้งรถบัสไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า รถตู้ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถหัวลากไฟฟ้า โดยมาจากยอดขายรถ 5,556 คัน ซึ่งปัจจุบันยังมีคำสั่งซื้อค้างอยู่ 2,757 คัน เป็นรถบัสโดยสารไฟฟ้าเกือบ 1,000 คัน และรถบรรทุกไฟฟ้าอีกกว่า 1,000 คัน คาดว่าจะส่งมอบรถตามออเดอร์ได้ทั้งหมดในปี 2567

นอกจากนี้ยังมีรถกระบะ EV จำนวน 229 คันที่จองในงาน Motor Expo เมื่อเดือนธันวาคม 2566 น่าจะส่งมอบได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567 และหากโครงการพัฒนารถ EV เชิงพาณิชย์พลังงานไฮโดรเจนนี้สำเร็จ ก็จะเป็นอีกก้าวของความร่วมมือ และพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย