SHARE

คัดลอกแล้ว

พฤติกรรมคนไทย มีการเข้าถึงบริการการเงินออนไลน์สูง และยังซื้อของออนไลน์เป็นเรื่องปกติ มิจฉาชีพที่พยายามล่อลวงให้ติดตั้งแอปดูดข้อมูล ดูดเงินก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และมีวิธีที่แนบเนียนและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบให้การขโมยเงินทำง่ายขึ้น

ข้อมูลจาก สมาคมธนาคารไทย เผยว่า ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการล่อลวงติดตั้งแอปเพื่อเข้ามาดูดข้อมูล ปลอมเป็นแอปการเงิน เพื่อเข้ามาควบคุมอุปกรณ์และแอปการเงินของผู้เสียหาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 500 ล้านบาท

ส่วนภัยฉ้อโกงออนไลน์ที่แข้งมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 247,753 เรื่อง  ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ระบุว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการขออายัด 54,017 บัญชี ยอดเงิน 6.9 พันล้านบาท และอายัดได้ทัน 449 ล้านบาท หรือเพียง 6.4% เท่านั้น 

ทรูมันนี่ (TrueMoney) ถือว่าเป็นแอปการเงินที่มีคนใช้มาก เพราะสามารถจ่ายซื้อของสะสมแต้งที่ร้านค้าเซเว่นอีเลฟเว่นได้ และในระยะหลัง ทางแอปก็เพิ่มบริการการออมเงิน ลงทุน ทำให้มียอดเงินหมุนเวียนอยู่ในแอปไม่น้อย อาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวงเอาเงินได้

ล่าสุด ทรูมันนี่ จึงประกาศเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ร่วมกับผู้ให้บริการระบบความปลอดภัย ‘ชิลด์’ (SHIELD) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ ‘โซลอส’ (ZOLOZ) ผู้เชี่ยวชาญโซลูชั่นการยืนยันตัวตนแบบ Biometric 

วิธีการทำงานของ TrueMoney 3 x Protection หลักๆ สามข้อคือ ตรวจ ว่าเป็นคุณตัวจริงที่เข้าใช้งานบัญชี,  จับมัลแวร์หรือแอปต้องสงสัย และ หยุดการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ

ในขั้นแรกคือการตรวจว่าเราเป็นเจ้าของบัญชีตัวจริง แม้มิจฉาชีพจะล่อลวงเราจนรู้ข้อมูล Pin และ OTP ก็ยังไม่พอให้เข้าถึงบัญชีเราได้ เพราะต้องผ่านการสแกนหน้าอีกชั้น ซึ่งต้องเป็นหน้าของเจ้าของบัญชีตัวจริงเท่านั้น นอกจากนี้ระบบยังสามารถตรวจจับค่า IP address หรือ Location หากมีการเข้าใช้งานจากอุปกรณ์อื่น

ขั้นตอนต่อมาคือ จับมัลแวร์ แอปดูดเงิน และแอปแปลกปลอม หากเผลอติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ใช้งานทรูมันนี่ ตัวแอปจะปฏิเสธการอนุญาตเข้าใช้งาน

และสุดท้ายคือ หยุดการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรม หากมียอดโอนน่าสงสัย ระบบจะเรียกร้องห้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตนเพิ่ม 

นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท             ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราได้กำหนดให้มีสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงิน ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่แล้วเรายังได้จับมือกับ SHIELD ประกาศนำ ‘ระบบปฏิบัติการความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ’ (Mobile Fintech Security Intelligence) มาใช้เป็นรายแรกของไทย”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า