SHARE

คัดลอกแล้ว

งานรับปริญญามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประจำปีการศึกษา 2562 ที่จัดขึ้นวันที่ 30 ตุลาคม 2563 บรรยากาศการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด ขณะที่ผู้เข้าร่วมงานบางส่วนส่งเสียงสะท้อนว่ามีการคัดกรองผู้เคยประมีประวัติทางการเมือง-ผู้ป่วยจิตเวช ต้องผ่านกระบวนการพิเศษก่อนจึงจะเข้าในพื้นที่มหาวิทยาลัยเพื่อแสดงความยินดีต่อบัณฑิตได้

ผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และในอดีตเคยร่วมงานกับองค์กรภาคประชาสังคมด้านกฎหมาย เปิดเผยต่อเวิร์คพอยท์ทูเดย์ว่าเขาเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตโดยเข้าพื้นที่ผ่านทางประตูฝั่งถนนพระอาทิตย์ ก่อนจะพบว่ามีจุดคัดกรอง โดยเจ้าหน้าที่ประจำจุดนำบัตรประชาชนของผู้ร่วมงานตรวจหาข้อมูล

“เขาใช้เวลานานมาก ประมาณ 5 นาที เราก็เลยถามว่าทำไมนานจัง ของผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ เจ้าหน้าที่ตรงนั้นบอกว่ามีปัญหานิดหน่อย ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งซึ่งก็อยู่หน้าคอมฯ เราก็สังเกตแล้วว่าคนอื่น ๆ เข้าไปข้างในได้หมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ต้องรอนาน พอตำรวจเขาได้บัตรเราก็เอาไปเข้าข้อมูลใหม่แล้วโทรศัพท์หาใครสักคนนึงที่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เหมือนกัน พอคุยโทรศัพท์เสร็จเขาก็ถามเราอีกครั้งหนึ่งว่าวันนี้มางานรับปริญญาไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรใช่ไหม”

“เราก็บอกว่าผมแค่มาถ่ายรูปกับรุ่นน้องเฉย ๆ เขาก็เลยบอกว่างั้นให้บัณฑิตที่จะรับปริญญาออกมารับรองเราได้ไหมว่ามารับปริญญาจริง ๆ หรือหาบุคคลที่พอจะอ้างอิงได้ว่าเราจะไม่มาทำกิจกรรมอะไรวันนี้” เขากล่าว โดยกล่าวต่อว่าเมื่อบัณฑิตมาเจ้าหน้าที่ก็ถ่ายรูปคู่เจ้าตัวกับบัณฑิตและส่งข้อมูลผ่านแอพลิเคชันแชทรายงานต่อไป

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายนี้ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำกิจกรรมทางการเมืองมาเลยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา “เราอาจจะเคยมีชื่อในการทำแคมเปญเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ แต่พอมาปี 2563 ที่มีม็อบเราก็ไม่เคยเคลื่อนไหวหรือขึ้นปราศรัยที่ไหนเลย อย่างมากแค่สังเกตการณ์และมาเขียนข่าว” ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเปิดเผย

ขณะที่ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยแพร่ข้อความจากโซเชียลมีเดียของผู้ใช้รายหนึ่งระบุว่าถูกตรวจสอบประวัติการรักษาโรคจิตเวชที่ทางเข้าบริเวณประตูท่าพระอาทิตย์ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย โดยระบุว่า “ถ้าตรวจแล้วมันขึ้นประวัติว่าเรารักษาตัวที่ไหนก็จะโดนแยกตัวไปอีกโต๊ะหนึ่ง แล้วก็โดนซักประวัติว่าเป็นโรคอะไรรักษามานานกี่ปีแล้ว” ข้อความดังกล่าวระบุ “เขาบอกกลัวเข้างานแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้”

แหล่งข่าวที่มีประวัติทางการเมืองยืนยันกับเวิร์คพอยท์ทูเดย์ว่าไม่เห็นการคัดกรองด้านจิตเวช แต่อาจไม่ทราบเพราะตนไม่มีประวัติรักษาที่ใด เขาตั้งคำถามต่อว่า “เขามีสิทธิอะไรมาตรวจค้นข้อมูลมากขนาดนี้” โดยสอบถามว่านำข้อมูลบุคคลต้องสงสัยมาจากไหน ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ให้ข้อมูล ขณะที่หลังข้อมูลเผยแพร่ออกไปมีการตั้งคำถามถึงการเผยแพร่ข้อมูลการรักษาด้านจิตเวชวว่าเหตุใดจึงมีการเปิดเผยทั้งที่ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงกับการถูกตีตรา

เวิร์คพอยท์ทูเดย์โทรศัพท์เพื่อสอบถามไปมากกว่า 2 ครั้ง ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อศูนย์รักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรมสุขภาพจิตได้สำเร็จ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงข้างต้น

ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า “รู้สึกว่าเราได้รับการคุกคามด้านข้อมูลส่วนบุคคล” ส่วนข้อความที่ศูนย์ทนายฯเผยแพร่ระบุว่า “ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดขนาดนี้มาก่อน”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า