Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ผิดไหม…ถ้าชอบใส่กางเกงมวยเข้ายิม? แนวความคิดนี้กำลังเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่กางเกงมวยของคนไทยที่ชื่อว่า ‘Tuff Sport’ กำลังเป็นที่นิยมในโลกอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon

สำหรับคนไทยบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้ แต่ถ้าพูดถึงสินค้าที่ขายเราน่าจะเคยเห็นกันมานานแล้ว เพราะ ‘กางเกงมวย’ เป็นหนึ่งในสินค้าที่มักจะอยู่ตามย่านนักท่องเที่ยวแต่ไหนแต่ไร

แต่ Tuff Sport กล้าที่จะหยิบไอเดียกางเกงมวยที่เราเห็นๆ กันมาตลอด ทำเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นคำว่า “MUAY THAI” กระทั่งกางเกงที่เขียนว่า “มวยไทย” ภาษาไทยก็มีเช่นกัน

Tuff Sport เป็นแบรนด์ที่อยู่ในโครงการ TOPTHAI ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จุดประสงค์เพื่อทำให้ SMEs ไทยกล้าที่จะสู้และมีศักยภาพพอที่จะไปเฉิดฉายในแพลตฟอร์มต่างประเทศ

โดยในปี 2566 DITP ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ได้แก่ Tmall ของจีน, Amazon ของสหรัฐอเมริกา, Bigbasket ของอินเดีย, Klangthai แพลตฟอร์มของคนไทยที่ไปขยายในตลาดกัมพูชา, Blibli ของอินโดนีเซีย, PChome ของไต้หวัน และ Shopee ในตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์

[ Tuff กางเกงมวยที่เริ่มจากความชอบดูมวยในวัยเด็ก ]

อนันต์ ปาลิต’ หัวหน้า อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แชร์เกี่ยวกับแบรนด์ของคนไทยที่เป็น Top Selling ในแพลตฟอร์ม Amazon หนึ่งในนั้นก็คือ Tuff Sport

โดยเขาได้พูดถึงเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ Tuff Sport กลายเป็นสินค้าไทยที่คนอเมริกันนิยมและใส่ไปเข้าฟิตเนสเพราะว่า ‘เอกลักษณ์’ ที่ชัดเจน ขณะเดียวกันเป็นสินค้ากีฬาที่มีความเชื่อมโยงกับลูกค้าที่อยู่ใน Amazon ที่มองหาอะไรที่มีอัตลักษณ์ อย่างแบรนด์นี้ที่มีความเป็นประเทศไทยแทบทุกจุด

‘วุฒินันท์ สังข์อ่อง’ เจ้าของแบรนด์ Tuff Sport ถือว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแม้ว่าตัวเขาเองจะเรียนจบด้านไอที จากมหาวิทยาลัย Manufacture Warwick ในอังกฤษ ซึ่งทันทีที่เขาเรียนจบปริญญาโทก็ตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซเต็มตัว ด้วยประสบการณ์เป็น ‘ศูนย์’ และเงินที่มีอย่างจำกัดจำเขี่ยในสมัยนั้น

ในปี 2003 เขาเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ของไทยที่คิดว่าเหมาะกับตลาดอีคอมเมิร์ซ จนไปเจอกางเกงมวยไทย เขาคิดว่ามันมีเอกลักษณ์เมืองไทยชัดเจน อีกอย่างตัวเขาเองก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้างจากความชอบส่วนตัวที่ติดตามมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก จึงตัดสินใจลุยความฝันด้วยสินค้าชนิดนี้

เขาเริ่มต้นจากการขายของบน eBay เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์คู่แข่งตัวฉกาจของ Amazon จากนั้นก็ได้สร้างเว็บไซต์ชื่อว่า “Muay Thai Stuff” โดยมีสมาชิกในบริษัทเพียง 4 คน โดยเปิดสำนักงานแห่งแรกในอาคารเล็กๆ ย่านหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

เมื่อเขาทดลองตลาดและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้พักใหญ่ จึงลงมือสร้างแบรนด์กางเกงมวยเป็นตัวเอง ในชื่อว่า ‘Tuff’ โดยตั้งใจจะสื่อถึงหินภูเขาไฟ และตั้งใจให้เป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า ‘Tough’ (อึด, ทนทาน) ซึ่งก็มาจากนิสัยส่วนตัวของเขานั่นเอง

ต้องพูดว่า ตั้งแต่ปี 2009 ‘Tuff Sport’ เริ่มเฟื่องฟูชนิดที่ว่าผลิตสินค้าเสิร์ฟลูกค้าทั่วโลกแทบไม่ทัน จนต้องก่อตั้ง ‘TUFF Engineering’ เพื่อเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าให้แบรนด์ Tuff เป็นหลัก

สำหรับกลยุทธฺ์การตลาดของ Tuff Sport โดยเฉพาะช่วงปี 2009-2010 ที่ได้ถูกนำมาใช้ในการแข่งขัน King’s Cup Muay Thai Champion นอกจากนี้ Tuff ยังได้เข้าร่วมการแข่งขัน WMC IFMA ในช่วงเดียวกันด้วย จากนั้นก็รุกตลาดมาเรื่อยๆ ในวิธีคล้ายกันจนประสบความสำเร็จในกลุ่ม SMEs

เส้นทางการเติบโตของ Tuff ต้องพูดว่าเพิ่มพูนการรับรู้ในระดับโลกมาเรื่อยๆ จนกิจการขยายตัวเป็นมากกว่ากางเกงมวย มีทั้ง Tuff Camp ที่เปิดเป็นค่ายมวย ซึ่ง Tuff Sport ยังเป็นแบรนด์คนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์ม Amazon ในยุคที่อีคอมเมิร์ซเข้าสู่ตลาดไทย จนกลายเป็นหนึ่งใน 2 แบรนด์ที่มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จบน Amazon ในปัจจุบัน

แม้ว่า อนันต์ ปาลิต ไม่ได้บอกตัวเลขหรือมูลค่าของแบรนด์ Tuff Sport บน Amazon แต่ก็เปรยถึงจำนวนธุรกิจของคนไทยที่มีมากกว่า 1,000 รายใน Amazon ซึ่งขายสินค้าหลายล้านโปรดักท์ต่อปี ถือว่า Tuff Sport ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของแบรนด์ดิ้งและยอดขายใน Amazon แล้วจนติดเป็น Top Brand ในกลุ่มสินค้าไทยได้

ขณะที่แบรนด์คนไทยอีกรายที่อยู่ใน Top ranking สินค้าไทยขายดีบน Amazon ก็คือ ‘Wel-B Healthy Snacks’ แบรนด์ขนมสุขภาพที่มีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดสมุทรสาคร

 

[ เริ่มธุรกิจ Wel-B เพราะ enjoy eating ]

แบรนด์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นธุรกิจครอบครัวหนึ่งของตระกูล ‘เผ่าปรีชา’ โดย Wel-B เป็นขนมเฮลตี้ภายใต้ บริษัท โจ-ลี่ แฟมิลี่ จำกัด ทั้งนี้ ณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา’ กรรมการผู้จัดการ ได้ให้สัมภาษณ์อยู่หลายครั้งว่าเป็นคนที่ชอบทานมากๆ เอ็นจอยกับทุกอย่างที่ทานได้

แนวคิดส่วนตัวของเขาคือ เชื่อมาตลอดว่าธุรกิจของกินไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนม เครื่องดื่ม จะสามารถอยู่ได้ตลอดไม่ว่าจะท่ามกลางเศรษฐกิจแบบไหนก็ตาม เพราะยังไงคนเราก็ยังต้องทานอยู่ดี ประกอบกับส่วนตัวเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดอยู่เป็นทุนเดิม ทำให้เข้าใจกลไกทางการตลาดและความต้องการของผู้บริโภคแม่นยำ

ทั้งนี้ เริ่มแรกสินค้าของ Wel-B ยังไม่ใช่ขนมเคี้ยวได้ แต่เป็น ‘ผลไม้’ ที่นำมาอบแห้งด้วยเทคโนโลยี Freeze-dried เพื่อยืดอายุการทานผลไม้ออกไป แต่บังเอิญได้ไอเดียตอนที่เห็นว่า โยเกิร์ตที่สามารถนำมาขึ้นรูปให้กรอบได้ ขณะที่มองว่าเมืองไทยมีผลไม้ที่หลากหลาย และก็ยังไม่มีขนมที่เป็นผลไม้จริงๆ (ต่างจากพวกผลไม้อบแห้ง) เขาจึงตัดสินใจนำโยเกิร์ตมาทำเป็น Freeze-dried ให้เป็นโยเกิร์ตกรอบ คล้ายขนมผิงแต่ทานง่ายกว่า

หลังจากนั้น ก็เริ่มขยับไปที่ผลไม้ เช่น ทุเรียน เพราะรู้ว่าตลาดจีนชอบทุเรียน และผู้บริโภคก็มีจำนวนมากน่าจะเป็นโอกาสที่ดี เมื่อกระแสตอบรับในตลาดดีมากๆ Wel-B จึงขยับไปหาผลไม้อื่นๆ เพิ่ม ทั้งกล้วย, สตรอเบอร์รี, แอปเปิ้ล, มะพร้าว, มังคุด, ลองกอง, ลำไย, เงาะ, มะม่วง ฯลฯ ซึ่งรสชาติและเทคเจอร์ต่างจากผลไม้อบแห้งอย่างสิ้นเชิง

Wel-B ถือว่าเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่เคยทำรายได้แตะ 100 ล้านมาแล้ว และ Amazon ก็เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์แรกๆ ที่ขาย จากเดิมที่พึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ แต่โควิด-19 ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัว และเพิ่มสัดส่วนการขายในออนไลน์มากขึ้น

ทั้งนี้ อนันต์ ปาลิต อาจจะไม่ได้ให้ตัวเลขยอดขายที่ทำได้สำหรับ Wel-B ใน Amazon แต่ก็ติดเป็นแบรนด์ที่ 2 ที่ได้รับความนิยมมากๆ สำหรับ Amazon ทั่วโลก ซึ่งเขายังย้ำเหตุผลสำคัญที่เหมือนกันทั้ง Tuff Sport และ Wel-B ก็คือ ‘เอกลักษณ์’ ที่เป็นสินค้าของไทยชัดเจน

ข้อมูลจาก Statista ในปี 2023 สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีรายได้รวมจากอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับที่สองของโลก มีมูลค่าถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากผลสำรวจของ Amazon ที่จัดทำโดย Access Partnership ในปีเดียวกัน พบว่ามากกว่า 65% ของธุรกิจ SMEs ของไทย มองว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีความสำคัญในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้

ขณะที่ สินค้าใน 5 อันดับแรกที่ธุรกิจไทยขายบนเว็บไซต์ Amazon และได้รับความนิยมในสหรัฐฯ ได้แก่

  1. ของใช้ในบ้าน

  2. เสื้อผ้า 

  3. อาหารและเครื่องดื่ม 

  4. ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม

  5. สินค้ากีฬา

อย่างไรก็ตาม นอกจากตลาดสหรัฐฯ ที่ธุรกิจไทยสนใจในอีก 5 ปีข้างหน้า ยังมีอีกหลายประเทศที่มองว่า ตลาดเหล่านี้ก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้เช่นกัน คือ จีน, ญี่ปุ่น, อาเซียน, สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป โดยเฉพาะ 2 ตลาดปิดท้ายที่ว่านั้น ยอดขายที่เจาะตลาดเหล่านี้ได้ยังน้อยมากๆ

ถึงแม้ว่า Amazon ไม่ได้บอกชัดเจนว่า 2 แบรนด์นี้ที่เป็นของคนไทย ประสบความสำเร็จมากเพียงใดในตลาดนี้ แต่เท่าที่ฟังๆ มาก็พอจะสัมผัสได้ว่า ความพยายาม และการพัฒนาสินค้าของตัวเอง บวกกับอัตลักษณ์ที่เป็น made in Thailand สร้างข้อได้เปรียบในตลาดอีคอมเมิร์ซได้จริง หากสินค้าดีและมีคุณภาพทัดเทียมของต่างชาติ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า