นายกรัฐมนตรีอังกฤษยอมรับ ไวรัสกลายพันธุ์ในประเทศทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น โดยอาจทำให้ผู้ป่วยในบางกลุ่มอายุุมีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 30-40%
วันที่ 23 มกราคม 2564 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างการแถลงข่าวของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) ที่ยอมรับว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอังกฤษมากขึ้น
การเปิดเผยในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการยืนยันครั้งแรกว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ อาจมีฤทธิ์รุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถยืนยันความรุนแรงของไวรัสกลายพันธุ์ได้แน่ชัด โดยสามารถระบุได้เพียงว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ ทำให้มีอัตราการติดเชื้อมากขึ้นเท่านั้น
การเปิดเผยของผู้นำอังกฤษสอดคล้องกับหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษทำให้ผู้ป่วยในบางกลุ่มอายุมีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 30-40%
สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรตอนนี้ พบผู้ป่วยสะสมแล้วกว่า 3.58 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตสูงถึงกว่า 95,000 คน โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นถึง 16% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น
ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษได้ระบาดลุกลามไปแล้วกว่า 60 ประเทศ ซึ่งนอกจากไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังพบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอีกอย่างน้อย 2 ประเทศคือแอฟริกาใต้และบราซิลด้วย