ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งสหราชอาณาจักร ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำอังกฤษที่อยู่ตำแหน่งสั้นที่สุดเพียง 45 วัน
การลาออกของทรัสส์ ส่งผลให้เธอพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ ขั้นตอนถัดไปพรรคอนุรักษนิยมจะต้องเริ่มการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่เพื่อจะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยมีเวลาถึงสัปดาห์หน้า
สื่อหลายสำนักเริ่มจับตาไปยังผู้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมแทนทรัสส์ ซึ่งตามหลักเกณฑ์ ผู้สมัครจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคที่อยู่ในสภาอย่างน้อย 100 คน เท่ากับว่าพรรคซึ่งมีสมาชิกในสภาอยู่ทั้งหมด 357 คน จะสามารถมีผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ไม่เกิน 3 คน โดยสำนักข่าว BBC เปิดเผยรายชื่อผู้สมัครที่มีศักยภาพบางส่วน ที่คาดว่าอาจเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมคนใหม่ แม้จะยังไม่มีการยืนยันออกมาอย่างชัดเจนจากผู้สมัครคนใด
ริชิ ซูนัค
อดีตรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลบอริส จอห์นสัน คู่ท้าชิงคนสำคัญของลิซ ทรัสส์ ในการคัดเลือกหัวหน้าพรรคครั้งก่อน โดยซูนัคได้ถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมืองของจอห์นสัน ภายหลังจากที่เขาต้องลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจากการเผชิญเรื่องอื้อฉาวรุมเร้า
ซูนัคเข้าสู่เวทีการเมืองเมื่อปี 2558 และได้สร้างชื่อจากการคุมนโยบายเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาที่อังกฤษต้องฝ่าวิกฤตโควิด-19 ในระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรครอบที่แล้ว ซูนัคได้เตือนว่าแผนภาษีของทรัสส์จะทำลายเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดสมาชิกพรรคได้ ทำให้เขาเสียคะแนนเสียงไป 21,000 เสียง และพ่ายแพ้ต่อทรัสส์ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ริชิ ซูนัค ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าเขาน่าจะกลับเข้าสู่สมรภูมิชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง และมีโอกาสสูงที่จะชนะในรอบนี้
เพนนี มอร์ดอนต์
รัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของสหราชอาณาจักร เริ่มเข้าตาคณะกรรมการจากการตอบคำถามแทน ลิซ ทรัสส์ ในสภาเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ และคุณสมบัติความเป็นผู้นำ
มอร์ดอนต์ เป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมรอบที่แล้ว แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับทรัสส์ และซูนัค ในรอบคัดเลือกผู้สมัครสองคนสุดท้าย
หลังจากที่ทรัสส์เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มอร์ดอนต์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำสภาสามัญชนและประธานสภาองคมนตรี ซึ่งทำให้เธอได้รับบทบาทสำคัญในฐานะประธานในสภาการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใหม่ ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
บอริส จอห์นสัน
อดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าลิซ ทรัสส์ แต่ต้องเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวต่างๆ นานา จนต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
การลาออกอย่างกะทันหันของทรัสส์ หลังอยู่ในตำแหน่งเพียงไม่กี่สัปดาห์ ทำให้พรรคอนุรักษนิยมมีเวลาไม่มากนักในการที่จะคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค ท่ามกลางการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่เชื่อว่ามีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในใบหน้าที่คุ้นเคย และชื่อของ บอริส จอห์นสัน ก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในฐานะผู้ที่อาจจะกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษอีกสมัย
เส้นทางการกลับมาของจอห์นสัน ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรในสภาและสมาชิกทั่วไปภายในพรรค ซึ่งนาดีน ดอร์รีส์ หนึ่งในผู้สนับสนุนระยะยาวของเขาให้เหตุผลว่า จอห์นสันเป็นผู้ที่ได้รับการมอบอำนาจจากประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
เบน วอลเลซ
รัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากการตัดสินใจให้การสนับสนุนยูเครนด้านอาวุธและการฝึกทหาร เพื่อรับมือกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
วอลเลซยังเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของ บอริส จอห์นสัน แม้จะต่อต้านนโยบาย Brexit โดยหลังจากที่จอห์นสันลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีผู้เสนอให้วอลเลซสมัครลงชิงตำแหน่งแทน และเขาก็ได้คะแนนนิยมสูงสุดจากการสำรวจความคิดเห็นโดยเว็บไซต์ Conservative Home แต่วอลเลซยืนกรานในขณะนั้นว่า เขาเลือกที่จะสนับสนุนลิซ ทรัสส์ โดยให้เหตุผลว่าเธอที่แหละคือของจริง
เคมิ บาเดนอช
เคมิ บาเดนอช เป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมในรอบที่แล้ว แม้จะไม่ได้รับชัยชนะ แต่บาเดนอชก็เพิ่มโปรไฟล์ให้กับตัวเองได้จากการมีชื่อชิงตำแหน่งผู้นำพรรค
ชื่อของ บาเดนอช เป็นที่จับตาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งเข้าร่วมในรัฐบาลเพียงแค่เดือนเศษ แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจาก ไมเคิล โกฟ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสในพรรคอนุรักษนิยม
ซูเอลา บราเวอร์แมน
อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยที่เพิ่งประกาศลาออกไปเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ก่อนการลาออกของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ เพียงหนึ่งวัน มีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ที่มีศักยภาพซึ่งคาดว่าอาจจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมคนใหม่
การลาออกของบราเวอร์แมน ได้สร้างแรงกดดันต่อทรัสส์อย่างมาก เนื่องจากเธอเป็นรัฐมนตรีคนที่ 2 ในรัฐบาลที่ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ทรัสส์เพิ่งบริหารประเทศเพียงแค่ 6 สัปดาห์
ที่มา: https://www.bbc.com/news/uk-politics-63332047