UN เรียกร้อง ‘รัสเซีย-ยูเครน’ หยุดโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทันที หวั่นซ้ำรอยหายนะเชอร์โนบิล

เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องรัสเซียและยูเครนหยุดโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในทันที เกรงจะเกิดอันตรายซ้ำรอยหายนะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล หลังทั้งสองฝ่ายกล่าวโทษกันไปมา

นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ออกมาเรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ส.ค.) ให้ยุติการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองซาปอริซเซียของยูเครน หลังโรงไฟฟ้าดังกล่าวถูกโจมตีหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา 

“สถานที่นี้จะต้องไม่ถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางทหารใดๆ และจำเป็นที่จะต้องมีข้อตกลงเร่งด่วนในระดับเทคนิคเกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตความปลอดภัยให้เป็นพื้นที่ปลอดทหาร เพื่อความปลอดภัยของพื้นที่ดังกล่าว” นายกูเตอร์เรสแถลงกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) 

สำหรับโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครน ซึ่งตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียมาตั้งแต่เดือน มี.ค. หลังจากที่มอสโกส่งกองกำลังเข้ารุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ได้ไม่นาน แต่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นชาวยูเครนทำงานอยู่ภายในจนถึงขณะนี้

ถ้อยแถลงล่าสุดของเลขาธิการ UN มีขึ้นหลังจากที่ในช่วงไม่มีวันที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียได้ตกเป็นเป้าโจมตี ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลเรื่องการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี ขณะที่รัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวโทษกันไปมาว่าอีกฝ่ายทำการโจมตีโรงไฟฟ้าแห่งนี้ 

Energoatom หน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านนิวเคลียร์ของยูเครนออกมาเปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียถูกโจมตี 5 ครั้งในวันพฤหัสบดี (11 ส.ค.) โดยการโจมตีบางส่วนเกิดขึ้นในบริเวณที่ใกล้กับโรงเก็บกัมมันตภาพรังสี 

ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้แถลงผ่านทางวิดีโอ เรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังออกจากโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย และคืนพื้นที่ให้กับยูเครนเพื่อรับประกันความปลอดภัยให้กับภูมิภาคยุโรป

ทางด้านสำนักข่าว TASS ของรัสเซียอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า ยูเครนได้ทำการโจมตีโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย 2 ครั้ง ซึ่ง วาซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ได้ออกมาประณามว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและไร้สติที่สุด

“เราได้เตือนไปยังมิตรสหายชาวตะวันตกของเราหลายต่อหลายครั้งว่า หากพวกเขาล้มเหลวในการดึงรัฐบาลเคียฟเข้ามาสู่ความเป็นเหตุเป็นผล จะยิ่งทำให้เคียฟเลือกใช้วิธีการที่เลวร้ายและไร้สติที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่หายนะที่ส่งผลกระทบไปไกลเกินกว่าเขตแดนของยูเครน” เนเบนเซียกล่าวในที่ประชุม UNSC

ขณะเดียวกัน ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ได้แถลงต่อที่ประชุมว่า กิจกรรมทางทหารที่เกิดขึ้นในเมืองซาปอริซเซียนั้น ‘อันตรายอย่างยิ่ง’ พร้อมกับเรียกร้องให้ยูเครนและรัสเซียเปิดทางให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์เข้าไปประเมินความปลอดภัย และความเสียหาย ตลอดจนความมั่นคงของโรงไฟฟ้าดังกล่าวในทันที เนื่องจากในขณะนี้ข้อมูลที่ IAEA ได้รับมาจากฝั่งรัสเซียและยูเครนมีความขัดแย้งอยู่ตลอด ทำให้ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้