SHARE

คัดลอกแล้ว

ผลสํารวจระดับชาติล่าสุดชี้ไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้น การคลอดในวัยรุ่นลดลง
การลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงลดลง แต่แนวโน้มเรื่องการศึกษาและพัฒนาการของเด็กยังน่าเป็นห่วง

สํานักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับองค์การยูนิเซฟ เผยแพร่ผลสํารวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566  โดยผู้จัดทำชี้ว่ารายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นความก้าวหน้าด้านเด็กและสตรีหลายด้าน เช่น อัตรา
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วนที่เพิ่มขึ้น อัตราการคลอดในวัยรุ่นและการลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรงที่บ้านลดลง แต่ใน
ขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลด้านพัฒนาการของเด็กปฐมวัย การศึกษา ภาวะโภชนาการของเด็ก และ
การแต่งงานก่อนวัยอันควร

ผลสํารวจพบว่า อัตราการคลอดในวัยรุ่นของประเทศไทยลดลงจาก 23 คนต่อ 1,000 คนในปี 2562 เหลือ
18 คนต่อ 1,000 คนในปี 2565 ขณะที่อัตราของเด็กอายุ 1-14 ปีที่เคยถูกลงโทษด้วยวิธีรุนแรงที่บ้านก็ลดลงอย่าง
ต่อเนื่องจากร้อยละ 75 ในปี 2558 เหลือร้อยละ 58 และร้อยละ 54 ในปี2562 และ 2565 ตามลําดับ นอกจากนี้
ผลสํารวจในปี 2565 ยังพบว่าผู้ชายและผู้หญิงจํานวนมากขึ้นมีทัศนคติไม่ยอมรับความรุนแรงในครอบครัว
ผลสํารวจยังชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย โดยในปี 2565 มีทารกอายุ
ไม่เกิน 6 เดือนร้อยละ 29 ที่ได้กินนมแม่ล้วนในช่วง 6 เดือนแรก เมื่อเทียบกับเพียงร้อยละ 14 ในปี 2562 นอกจากนี้
ยังพบว่ามีแม่จํานวนมากขึ้นที่ให้นมลูกอย่างต่อเนื่องจนถึง 1 ปีและ 2 ปี

อย่างไรก็ตาม ผลสํารวจครั้งนี้ก็สะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวลด้านการศึกษาและพัฒนาการของเด็กเมื่อเทียบกับ
ผลสํารวจครั้งก่อนซึ่งจัดทําก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพบว่าอัตราการเข้าเรียนหลักสูตรปฐมวัยของเด็กอายุ
3-4 ปีลดลงจากร้อยละ 86 ในปี2562 เหลือเพียงร้อยละ 75 ในปี 2565 นอกจากนี้ อัตราการเข้าเรียนสุทธิของ
เด็กอายุ 5 ปี (เมื่อเริ่มปีการศึกษา) ลดลงจากร้อยละ 99 เหลือเพียงร้อยละ 88 และอัตราของเด็กปฐมวัยที่มีความ
พร้อมในการเข้าโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย สมอง สังคม อารมณ์ และภาษา ก็ลดลงจากร้อยละ 99 เหลือเพียง
ร้อยละ 94 เช่นกัน

ผลสํารวจครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่าอัตราของเด็กวัยประถมศึกษาที่ไม่ได้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของ
โรคโควิด-19 โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 4 ในปี 2565 นอกจากนี้ อัตราการไม่ได้เข้าเรียนในชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มจากร้อยละ 3 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 5 ในปี 2565 ในขณะที่อัตราการ
ไม่ได้เข้าเรียนยังคงสูงสุดในกลุ่มเด็กวัยชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 15 ในปี 2565

นอกจากนี้ ผลสํารวจยังชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่ากังวลด้านการใช้เวลาของเด็กในการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งเพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของเด็ก ผลสํารวจในปี2565 พบว่า
ร้อยละ 62 ของเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในจํานวนนี้ เด็กร้อยละ 13 ใช้เวลาเล่นอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวันหรือนานกว่านั้น เมื่อเทียบกับร้อยละ 8 ในปี 2562
ในขณะที่การเข้าถึงและการใช้เวลาเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเด็กเพิ่มขึ้น ผลสํารวจกลับชี้ว่ามีเด็กจํานวน
น้อยลงที่ใช้เวลาอ่านหนังสือที่บ้าน และมีเด็กถึง 6 ใน 10 คนที่มีหนังสือสําหรับเด็กอยู่ที่บ้านไม่ถึง 3 เล่ม
ในขณะเดียวกัน ก็พบว่า มีพ่อแม่ผู้ปกครองจํานวนน้อยลงที่ทํากิจกรรมเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
โดยในปี 2565 มีพ่อเพียงร้อยละ 31 เท่านั้นที่ทํากิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้กับลูกที่บ้าน เมื่อเทียบกับร้อยละ 34
ในปี 2562

ผลสํารวจครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ทักษะพื้นฐานด้านการอ่านและการคิดเลขของเด็ก ๆ ก็มีแนวโน้มแย่ลงในช่วง
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในปี 2565 มีเด็กในวัยเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 3 น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
(ร้อยละ 47) ที่มีทักษะด้านการอ่านขั้นพื้นฐาน ซึ่งลดลงจากร้อยละ 52 ในปี 2562 และมีเพียงร้อยละ 40 เท่านั้นที่มี
ทักษะพื้นฐานด้านการคํานวณ เมื่อเทียบกับร้อยละ 47 ในปี 2562ผลสํารวจด้านอื่น ๆ ที่สําคัญในปี 2565 ได้แก่

● ภาวะโภชนาการของเด็ก แสดงถึงแนวโน้มน่าเป็นห่วง โดยภาวะทุพโภชนาการจะส่งผลกระทบต่อ
พัฒนาการด้านสมอง สุขภาพ และความเป็นอยู่ของเด็กในระยะยาว ผลสํารวจพบว่า อัตราของเด็กอายุ
น้อยกว่า 5 ปีที่มีภาวะอ้วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 11 ในปี 2565 นอกจากนี้
ยังพบว่าในปี 2565 อัตราเด็กที่มีภาวะเตี้ยแคระแกร็น, มีน้ําหนักต่ํากว่าเกณฑ์และมีภาวะผอมแห้งยังคงอยู่
ในระดับเดียวกับปี 2562 คืออยู่ที่ร้อยละ 13 ร้อยละ 7 และร้อยละ 7 ตามลําดับ

● การสมรสก่อนวัยอันควร ยังเป็นประเด็นที่น่ากังวลของประเทศไทย โดยในปี 2565 ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง
20-24 ปีจํานวน 1 ใน 6 คน (ร้อยละ 17) สมรสก่อนอายุ 18 ปีและเกือบร้อยละ 6 สมรสก่อนอายุ 15 ปี
(ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3 ในปี 2562)

● เด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เด็กนับล้านคนในประเทศไทยเติบโตขึ้นโดยไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ เนื่องจากพ่อแม่
มักย้ายถิ่นเพื่อหางานทํา ผลสํารวจพบว่า เด็กอายุไม่เกิน 17 ปีร้อยละ 25 หรือประมาณ 3 ล้านคนไม่ได้อยู่
กับพ่อและแม่ โดยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 71) อาศัยอยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย

● ความเหลื่อมล้ำ ยังคงเป็นปัญหาสําคัญ โดยผลสํารวจปี 2565 แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ําที่น่ากังวลใน
เด็กแต่ละกลุ่มขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่เด็กอาศัยอยู่ ฐานะทางเศรษฐกิจของครัวเรือน ระดับการศึกษาของแม่ และ
ชาติพันธุ์นอกจากนี้ ผลสํารวจ MICS ครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงข้อมูลด้านต่าง ๆ อีกด้วย เช่น สุขภาพ
ของเด็ก การได้รับภูมิคุ้มกัน การอบรมเลี้ยงดูเด็ก และการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม เป็นต้น

คยองซอน คิม ผู้อํานวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “แม้ว่าช่วงวิกฤตที่สุดของโควิด-19
ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การแพร่ระบาดยังคงส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และพัฒนาการของเด็ก ๆ ข้อมูลจากการสํารวจ
สถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยปี 2565 ยืนยันถึงผลกระทบที่รุนแรงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน
การศึกษา วิกฤตดังกล่าวได้ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กและทําให้เด็กจํานวนมากต้องเลิกเรียนกลางคัน ดังนั้น
ประเทศไทยมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลงทุนกับการศึกษา ระบบสาธารณสุข และระบบคุ้มครองทางสังคมที่มี
ประสิทธิภาพ เพื่อปิดช่องว่างและทําให้มั่นใจได้ว่าเด็กทุกคนจะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพและช่วยประเทศให้บรรลุ
เป้าหมายที่รุ่งเรืองและยั่งยืนสําหรับทุกคน”

ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อํานวยการสํานักงานสถิติแห่งชาติกล่าวว่า “การสํารวจสถานการณ์เด็กและสตรี
ในประเทศไทย พ.ศ. 2565 นับเป็นการจัดทําครั้งที่ 5 ของประเทศไทย ผลสํารวจสะท้อนให้เห็นความเป็นอยู่ของ
เด็กและสตรีในมิติต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับผู้กําหนดนโยบายและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในการ
ออกแบบนโยบายหรือมาตรการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีในประเทศไทย นอกจากนี้ การสํารวจนี้
นับเป็นแหล่งข้อมูลสําคัญอีกแหล่งที่ช่วยในการติดตามความก้าวหน้าของการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(SDGs)”

รายงานนี้มาจากการสํารวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย หรือ MICS (Multiple Indicators Cluster Survey)
ถือเป็นการสํารวจระดับประเทศที่ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างประชากรเด็กและสตรีที่ใหญ่ที่สุด โดยจัดทําขึ้นทุก 3 ปี และ
มีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับเด็กและสตรีในด้านต่าง ๆ กว่า 130 ตัวชี้วัด เช่น สุขภาพ พัฒนาการ การศึกษา และ
การคุ้มครองเด็ก การสํารวจ MICS ครั้งล่าสุดนี้เก็บข้อมูลจาก 34,000 ครัวเรือนทั่วประเทศระหว่างเดือนมิถุนายนถึง
ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมาตราการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า