คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นประณามเหตุการณ์สังหารหมู่พลเรือนในเมียนมา

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์สังหารหมู่พลเรือนในรัฐกะยาของเมียนมา ย้ำต้องมีผู้รับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และยุติความรุนแรงทันทีเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

วันที่ 30 ธ.ค. 2564 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์สังหารหมู่ที่รัฐกะยาของเมียนมา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ซึ่งส่งผลให้พลเรือนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน รวมเด็ก 4 คน และเจ้าหน้าที่ 2 คนขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children)

ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (29 ธ.ค.) คณะมนตรีความมั่นคงได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาผู้รับผิดชอบต่อการกระทำนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงทั้งหมดในทันที และให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชนรวมถึงการดูแลให้ความปลอดภัยแก่ประชาชน 

ข้อความในแถลงการณ์ยังกล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการเข้าถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือโดยไร้ข้อจำกัด เพื่อให้ความคุ้มครอง ความปลอดภัย และความมั่นคงของเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมและการแพทย์อย่างเต็มรูปแบบ 

ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงยังคงยืนยันที่จะให้การสนับสนุนเมียนมาในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าต่ออธิปไตย เอกราชทางการเมือง บูรณภาพแห่งดินแดน และความเป็นเอกภาพของเมียนมา

แถลงการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนของเมียนมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้รับการเปิดเผยจากกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐประหารว่า พบซากรถยนต์ พร้อมศพที่ถูกไฟไหม้เกรียมอย่างน้อย 35 ศพ โดยยืนยันว่าทั้งหมดเป็นพลเรือนที่พยายามหลบหนีการสู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลกับกองกำลังชนกลุ่มน้อย

ในเวลาเดียวกัน องค์กรเซฟ เดอะ ชิลเดรน ได้ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ขององค์กร 2 คนได้หายตัวไประหว่างเดินทางกลับหลังเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ ก่อนจะมีแถลงการณ์อีกฉบับออกมายืนยันว่า 2 เจ้าหน้าที่หายตัวไป เสียชีวิตในสภาพถูกเผารวมกับชาวบ้านคนอื่นๆ ที่มีการพบศพก่อนหน้านี้ 

ด้านนักเคลื่อนไหวของกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาได้กล่าวโทษกองทัพต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะโฆษกรัฐบาลทหารปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากสื่อของรัฐที่ดำเนินการโดยกองทัพก่อนหน้านี้ว่า ทหารได้เปิดฉากยิงใส่และสังหารผู้ก่อการร้ายติดอาวุธในหมู่บ้านโมโซ โดยไม่ระบุจำนวน