SHARE

คัดลอกแล้ว

ส.ว.อุปกิต’ แจงละเอียดหลายปมข่าวดัง ยืนยันไม่รู้จัก ‘เอ็ดดี้’ ปัดรู้จัก ‘บิ๊กตำรวจ ตัวย่อ ส.’ ยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง ส.ว. พร้อมยอมรับให้ ‘พีระพันธุ์’ เช่าตึกแต่ไม่รู้จะเอาไปทำที่ทำการพรรคการเมือง ‘รวมไทยสร้างชาติ’

นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดให้สัมภาษณ์ ที่อาคารรัฐสภา ชี้แจงเกี่ยวกับนายชาคริส กาจกำจรเดช ที่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่า มีเอกสารสัญญาซื้อขายกิจการโรงแรมในเมียนมาว่า เป็นคนที่เคยเช่า ‘อัลลัวร์ รีสอร์ท โฮเทล ท่าขี้เหล็ก’ และเป็นหุ้นส่วน 15 % ของบริษัทอัลลัวร์ ในขณะที่ตนเคยทำอยู่

ผู้สื่อข่าวถาม กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้ขายหุ้นโรงแรมอัลลัวร์ฯ จริง นายอุปกิต ตอบว่า จริงๆ แล้ว เป็นความรวดเร็วและความสะเพร่าของตน ตั้งใจจะขายให้นายชาคริสก่อนที่จะมารับตำแหน่ง ส.ว. ตนอาจจะคิดผิด เพราะการถือหุ้นความจริงไม่ได้ผิดกฎหมาย เพราะอยู่นอกประเทศ

แม้กระทั่งนายโดนัล ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ยังเป็นเจ้าของธุรกิจนอกประเทศ แต่ตนไม่อยากมีข้อครหา จึงได้เซ็นสัญญาซื้อขายกับนายชาคริส เพราะตั้งใจจะขายอยู่แล้ว ในสัญญาระบุว่า ถ้าใครผิดเงื่อนไขก็ถือว่าโมฆะ แต่ในที่สุด ตนไม่ได้ขายให้นายชาคริส ตนจึงได้โอนให้กับลูกเขยของตน เพื่อเตรียมขายต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ารู้จักนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ หรือ เอ็ดดี้ หรือไม่และขายหุ้นกันอย่างไร นายอุปกิต ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักนายเอ็ดดี้เลย แต่ตอนหลังทราบจากสื่อว่านายเอ็ดดี้ทำออนไลน์ พร้อมตั้งข้อสังเกตมีสื่อพยายามที่จะชี้นำไปว่า ตนทำธุรกิจออนไลน์หรือไม่ แต่สื่อก็ได้ตัดสินตนไปแล้วว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตนเอาคอมพิวเตอร์ไปทำไมหลายเครื่อง โดยกล่าวหาว่านำเข้าไปในเมียนมาเป็นร้อยเครื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วในสมัยนั้น เมียนมายังไม่มีไฟ นำคอมพิวเตอร์เข้าไปไม่กี่เครื่อง เพื่อทำระบบห้องอาหาร และอื่นๆ ไม่ใช่เอาคอมพิวเตอร์ไปทำออนไลน์

เมื่อเกิดเรื่องขึ้นตนได้ทราบตามข่าวว่า นายเอ็ดดี้หนีไปต่างประเทศ เพราะติดต่อกันไม่ได้ และทราบว่า นายเอ็ดดี้ยังไม่เคยเข้าไปดำเนินการในโรงแรม เพราะด่านปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด เกือบ 3 ปี เมื่อตนไม่สามารถขายโรงแรมให้กับนายชาคริสได้ และเมื่อตนโอนให้กับลูกเขยแล้ว ลูกเขยตนก็เตรียมขายให้กับนายเอ็ดดี้ ซึ่งตนไม่รู้ว่าธุรกิจออนไลน์ของนายเอ็ดดี้ได้เงินมหาศาล แต่อ่านตามข่าวว่าคนโน้นคนนี้ เห็นว่า มีเงินเป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านบาท

บางข่าวบอกว่า ตนฝากเงินให้นายเอ็ดดี้ไปฟอกในสลากพลัส ซึ่งตนเห็นว่า ข่าวปั้นกันไปหมด ไม่มีความจริง ตนไม่ทราบว่า อะไรเป็นอะไร ในฐานะที่เป็น ส.ว. ก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน และจะต้องแจ้งอีกครั้งหลังพ้นตำแหน่ง ส.ว. แต่ระหว่างดำรงตำแหน่ง ไม่มีให้แจ้ง

และว่า นายเอ็ดดี้น่าจะมีเงินเยอะ เขามาซื้อโรงแรมด้วยเงินสด แล้วบอกว่าจะขอจ่ายที่กัมพูชา ตนก็ยังสงสัยอยู่ แต่ขอถามทุกคนว่าเงินเป็นงูหรือเปล่า คนจะเอาเงินมาให้เรา แล้วไม่รู้แบ็คกราวด์เขาแล้วบอกจะจ่ายที่ต่างประเทศ ที่กัมพูชา แล้วตนจะไม่รับหรือ เพราะธุรกิจของตนก็อยู่ต่างประเทศ คือ เมียนมา และการจ่ายเงินของธุรกิจในต่างประเทศ ไม่ได้มีอะไรแปลกเลย

และนายเอ็ดดี้ไม่ได้ซื้อแบบนี้กับตนคนเดียว เขาไปซื้อจีน่า โกลเด้นท์บนเขา ก็จ่ายเงินสดทั้งนั้น โดยเขาซื้อพร้อมกัน 3-4 แห่ง เขาไม่ซีเรียสเรื่องสัญญา แต่ตนเป็นคนบอกให้ทำสัญญากันอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะดูแปลกๆ แต่คนที่ทำออนไลน์ หรือการพนันเงิน 200-300 ล้านบาท ตนคิดว่า เป็นเงินธรรมดาของเขา ที่เขาทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เชื่อมโยงทางการเมืองหรือถูกใช้เป็นเกมการเมืองเกี่ยวข้องกับการที่พรรครวมไทยสร้างชาติ เช่าตึกเป็นที่ทำการพรรคหรือไม่ นายอุปกิต ตอบว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องการเมืองตามที่ตนได้กล่าวไปแล้ว ส่วนตึกที่พรรครวมไทยสร้างชาติของนายกรัฐมนตรีใช้อยู่นี้ ยอมรับว่า เป็นของตน มีคนให้ตนซื้อตึกนี้ไว้ เนื่องจากมีสถานการณ์โควิด เจ้าของไม่จำเป็นต้องใช้เป็นออฟฟิศแล้ว เป็นบริษัทที่ตนเคยบริหารขอร้องให้ซื้อไว้ โดยตนซื้อในราคาตลาด เขาทำยังทำไม่เสร็จ ตนก็มาจ่ายค่าก่อสร้างต่อ

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จึงได้เปิดให้เช่า และคนที่มาเช่าตึกนี้ คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำพรรคการเมือง เนื่องจากเช่ามา 1 ปี ก่อนที่จะมีการจัดตั้งพรรคนี้

“ถ้าจะให้ยุติธรรม ผมไม่รู้จักพล.อ.ประยุทธ์เป็นการส่วนตัว ท่านไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และผมให้พรรครวมไทยสร้างชาติเช่าอย่างถูกต้อง มีสัญญาเช่าถูกต้อง และเบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาจะเอามาทำพรรคการเมือง ผมเลยเป็นเหยื่อของการเมือง” นายอุปกิต กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมบอกว่าไม่รู้จักกับนายกฯ ทั้งที่ในการแต่งตั้ง ส.ว. อย่างน้อยก็ต้องรู้จักกับ คสช. มาก่อน นายอุปกิต ตอบว่า ตนไม่ได้รู้จักสนิท แต่ตนคาดว่า สาเหตุที่เขาเลือกตนเป็น ส.ว. ก็เพราะตนมีความชำนาญด้านการต่างประเทศ และชำนาญด้านการไฟฟ้า

เมื่อถามว่า มองว่าความเชื่อมโยงนี้จะเป็นการพุ่งเป้าไปที่นายกฯ ด้วยหรือไม่ นายอุปกิต กล่าวว่า ก็ดูเหมือนอย่างนั้น ส่วนเรื่องสัญญาเช่าอาคาร ตนมีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ซึ่งการไปจดทะเบียนพรรคการเมือง ถ้าไม่มีสัญญาเช่าอาคาร เขาจะไปจดได้หรือไม่ ซึ่งตนไม่ทราบแต่ตนคิดว่า ถ้าเขาไม่มีสัญญาเช่า หรือซื้อขายอาคารก็ไม่คิดว่าจะไปจดทะเบียนพรรคได้

พร้อมย้ำว่าเรื่องการเช่าตึกดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นปีแล้ว คนที่มาเช่าคนแรกคือนายพีระพันธุ์บอกว่าเอาไปทำออฟฟิศส่วนตัว  ตอนนั้นเขาไม่ได้มีตำแหน่งอะไร เคยรู้จักกันสมัยก่อนแต่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว การติดต่อมาอีกครั้งเพื่อเช่าตึก เพราะตนติดป้ายว่าให้เช่า และตึกนี้อยู่ใน ซอยอารีย์ฯ ซึ่งเป็นซอยที่คิดว่า มีความหลังเกี่ยวกับการเมืองเยอะ เขาน่าจะขับรถผ่านไปมาแล้วเห็น จึงโทรศัพท์เข้ามาเช่าเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรใหญ่โตอย่างที่ถูกกล่าวหาว่า ตนไปเป็นผู้สนับสนุนพรรคดังกล่าว เพราะตนทราบหน้าที่ดีว่า ส.ว. ไม่ควร และไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองได้

เมื่อถามว่า ทำไมถึงมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อทางการเมือง เรามีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่  นายอุปกิต กล่าวว่า ตนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลย ถึงบอกว่าตนเป็นเหยื่อ มาปั้นเรื่องปั้นข่าวปั้นหลักฐาน ซึ่งตนอธิบายไปแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นอย่างไร

เมื่อถามอีกว่าในเรื่องของหมายจับ รอบที่ 2 มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีความสัมพันธ์กับคนระดับที่สามารถถอนหมายจับได้โดยเฉพาะคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอุปกิต ตอบว่า ถ้าผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะช่วยก็คงช่วยมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ปล่อยให้ลูกหลานตนติดคุกติดตะราง 7 เดือน ซึ่งตำรวจสามารถปล่อยได้ทันทีตั้งแต่วันที่จับแล้ว ถ้าจะจับแล้วตนมีเส้นสายก็ต้องแจ้งตนล่วงหน้า เหมือนกับที่นายเอ็ดดี้ทราบแล้วก็หนีไปแล้ว

ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า ตนมีความสัมพันธ์กับบิ๊กตำรวจอักษร ‘ย่อ ส.’ นั้น ถ้ามีความสัมพันธ์กันและเขาอยากช่วยตน เขาคงไม่มาจับลูกเขยตน ทำให้ตนมีความเศร้าใจและลำบากใจอยู่ถึงทุกวันนี้

เมื่อถามอีกว่า ยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายอุปกิต ตอบว่า ตนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว เพราะเป็นกระบวนการที่ตนมีความหวังและเคารพอยู่ คิดว่าทุกคนในประเทศนี้ควรจะเคารพกฎระเบียบและกฎหมาย ถ้าไม่เคารพ ก็จะเกิดเรื่องวุ่นวาย

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่ามีเครือข่ายเกี่ยวพันกับพรรคก้าวไกล ทั้งตำรวจ ทนายความและสื่อมวลชน จะดำเนินการในเรื่องคดีอย่างไรหรือไม่ นายอุปกิต ตอบว่า ตอนนี้ยัง เพราะตอนนี้มีคดีอีกเยอะ ที่ตนต้องดำเนินคดีกับสื่อมวลชนหลายคน ที่ตนต้องดำเนินการฟ้อง เพื่อปกป้องเกียรติศักด์ศรีของตน ซึ่งสื่อมวลชนทั่วไปตนไม่ฟ้อง แต่มีอยู่ 2-3 สื่อเท่านั้น ที่จ้องเล่นงานตนอย่างเดียว ตนไม่ทราบว่าไปทำอะไรให้เขา แต่มันก็เป็นเหมือนกับขบวนการ เห็นอยู่แล้วว่าใครด่าตนทุกวัน ปั้นเรื่องอยู่ตลอดเวลา ปกติตนไม่ใช่เป็นคนที่หิวแสง ไม่ชอบให้สัมภาษณ์ ตนชอบอยู่เงียบๆ จะเกษียณอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่เครือญาติของนายอุปกิตมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด  ซึ่ง นายอุปกิตได้แสดงความไม่พอใจ และย้อนถามผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามว่า มาจากสื่อไหน

แต่ผู้สื่อข่าวก็พยายามถามต่อว่า ในฐานะที่เครือญาติเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดและมีกล่าวหานายอุปกิต ซึ่งอาจไม่สวยงามต่อสถาบันนิติบัญญัติ คิดที่จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ว.หรือไม่ นายอุปกิต จึงตอบว่า ตนก็คิดที่จะลาออก แต่ถ้าลาออก ก็เท่ากับตนผิด ตนสามารถที่จะปกป้องเกียรติได้ด้วยการไม่ลาออกจาก ส.ว. การลาออกเป็นประโยชน์อะไร

จริงๆ แล้ว ถ้าตนทำผิดก็สามารถที่จะทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อขอตัวไปดำเนินคดีได้ แต่ตนไม่อยากที่จะไปเข้าทางใคร ไม่ใช่ว่าพอมาปรักปรำกัน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ก็ลาออก

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า