22 ต.ค.นี้ ปรับแผนอพยพ นำคนไทยออกมาพักรอที่ดูไบ ก่อนส่งเครื่องบินลำใหญ่ไปรับ

22 ต.ค.นี้ ปรับแผนอพยพ นำคนไทยออกมาพักรอที่ดูไบ ก่อนส่งเครื่องบินลำใหญ่ไปรับ

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวในเวลา 15.00 น. วันนี้ (18 ต.ค. 66) กล่าวถึงการอพยพคนไทยในประเทศอิสราเอล โดยสรุปว่า คนไทยที่ได้รับผลกระทบ ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 30 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บและผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังเหมือนเดิม นำประชาชนเดินทางกลับไทยได้ 7 เที่ยวบินแล้ว รวม 926 คน และที่เดินทางกลับมาเอง

ขณะนี้พยายามจัดเที่ยวบิน เทลอาวีฟ-กรุงเทพฯ ทุกวันอย่างน้อยวันละ 400 คน โดยมีแผนที่จะลำเลียงไปพักรอที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเที่ยวบินจากเทลอาวีฟมาดูไบ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แล้วเราจะจ้างเครื่องบินขนาดใหญ่ รับคนได้จำนวนมาก ไปรับต่อจากดูไบกลับมาไทย ได้ประสานงานสายการบินไว้แล้ว ทั้ง การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์

โดยคนที่ยังขึ้นเครื่องบินจากดูไบกลับมากรุงเทพฯ ไม่ได้ จะจัดที่พักให้และต้องทำวีซ่า ซึ่งทางสถานกงสุลใหญ่ที่ดูไบ และสถานทูตที่เมืองอาบูดาบี ได้ประสานงานกับทางการท้องถิ่น โรงแรมเรียบร้อยแล้ว แผนนี้จะเกิดตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 66 และระหว่างนี้จะยังมีเครื่องบินไปรับคนไทยที่ประสงค์จะกลับประเทศให้มากที่สุดทุกวัน

ส่วนในห้วงที่ไม่ได้มีการแถลงข่าวมีประเด็นในสื่อโซเชียลว่าเหตุใดจึงมีการบินอ้อม นางกาญจนา ชี้แจงว่า เราไม่ได้ขอบินผ่านประเทศที่มีความเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับอนุญาตแต่ล่าช้า เพราะเราคิดว่าการเสียเวลาอ้อมสัก 3-4 ชั่วโมง มันดีกว่าการที่เราจะต้องไปขออนุญาตผ่านประเทศที่ปกติไม่อนุญาตให้บินปลายทางไปประเทศอิสราเอล ซึ่งอย่างนั้นจะต้องไปขอหลายประเทศ

“มันจะต้องไปขอให้สิ่งที่เหมือนกับว่าเป็นกรณีพิเศษ มันอาจจะใช้เวลาในการขอทำการบินเหล่านี้ สู่เราเอาให้ชัวร์ๆ ว่าเราขอแล้วเราจะได้แน่ ซึ่งปกติการขออนุญาตเส้นทางการบิน ในภาวะปกติใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เร่งรัดให้ทุกสถานทูตที่อยู่ในพื้นที่ได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศนั้นๆ ให้ไปเร่งมาให้ อย่างนั้นก็คือขอเรียนว่า เราไม่ได้ขอ เพราะว่า เราอยากให้มันเร็ว เราไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงในการล่าช้า”

และว่า “หรือจริงๆ ถ้าเราขอ ถ้าเราได้ยื่นขอไป ห้วงนี้เป็นห่วงขอสถานการณ์สงคราม สถานการณ์มนุษยธรรม เราอาจจะได้ก็ได้ แต่ว่าเราไม่อยากเสี่ยง เราไม่อยากรอ เราไม่อยากให้พี่น้องคนไทยต้องเสียเวลารอในเรื่องการขออนุมัติอะไรต่างๆ การบินอ้อม นักบินบินเพิ่ม 3-4 ชั่วโมง เราคิดว่าไม่ได้เป็นประเด็น”

นางกาญจนา ยืนยันว่า เที่ยวบินที่กำลังจัดอยู่มีเยอะ บางครั้งตัวเลขที่ให้ลงทะเบียน กับตัวเลขคนที่มาไม่เท่ากัน น้อยกว่าตัวเลขที่ลงทะเบียน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคสำคัญที่สุดคือคนไทยในพื้นที่จะเดินทางมาที่สนามบินอย่างไร วิธีแก้ปัญหาตอนนี้คือได้ประกาศเชิญคนไทยที่ประสงค์จะกลับ เดินทางมาที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวได้เลย ไม่ว่าจะลงทะเบียนแล้วหรือไม่ได้ลงทะเบียน ดังนั้นภายในสิ้นเดือนตุลาคม หรืออย่างช้าที่สุดคือต้นเดือนพฤศจิกายน เราคิดว่าเราสามารถจะนำคนไทยกลับบ้านได้ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

สำหรับเรื่องการช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน นางกาญจนา กล่าวว่า ขอย้ำว่ามีการหารือในทุกระดับเรียกร้อง และให้แน่ใจว่าตัวประกันปลอดภัย ขอให้ปลดปล่อยพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ทุกฝ่ายพยายามดำเนินการอย่างดีที่สุด เพื่อให้คนไทยได้กลับมาประเทศไทย และให้ทุกคนมีความปลอดภัย ย้ำนี่ยังเป็นภาวะสงคราม ทางสถานทูตก็ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งน.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ป่วยแล้วคาดว่าเพราะพักผ่อนน้อยมาก ส่งได้มีการบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานไปช่วยงานต่อเนื่อง

ส่วนที่ว่าเรื่องการช่วยตัวประกันมีสัญญาณทิศทางบวกนั้น นางกาญจนา ขยายความว่า สัญญาณทิศทางบวกในชั้นนี้ได้ยินว่าตัวประกันของไทยยังปลอดภัยอยู่ แต่คาดการณ์ยากมากว่า จะปล่อยหรือไม่

อัปเดต คนไทยในอิสราเอล ได้รับผลกระทบ รวบรวมจากข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศ ณ วันที่ 18 ต.ค. 66

– เสียชีวิต 30 ราย (เพิ่ม 1 ราย)

– ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 คน

– บาดเจ็บ 16 คน

– แจ้งความประสงค์กลับไทยกับทางสถานทูตฯ 7,936 คน

– ไม่ขอกลับ 101 คน

– รวมเดินทางกลับมาแล้ว 926 คน ดังนี้

– รอบ 1 วันที่ 12 ต.ค. จำนวน 15 คน

– รอบ 2 วันที่ 13 ต.ค. จำนวน 19 คน

– รอบ 3 วันที่ 15 ต.ค. จำนวน 90 คน

– รอบ 4 วันที่ 16 ต.ค. จำนวน 130 คน

– รอบ 5 วันที่ 16 ต.ค. จำนวน 244 คน

– รอบ 6 วันที่ 17 ต.ค. จำนวน 162 คน

– รอบ 7 วันที่ 18 ต.ค. จำนวน 266 คน