ตัวเลขการเติบโตของรถไฮบริดในสหรัฐอเมริกาสะท้อนว่าตอนนี้รถไฮบริดกลับมาเป็นที่สนใจของผู้บริโภคในตลาดรถอเมริกา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน สถานการณ์ตลาดรถในสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือขณะนี้ว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่และซัพพลายเออร์เร่งเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฮบริดมากขึ้นในตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจรถไฮบริดเพิ่มขึ้น และเพื่อช่วยดึงกำไรให้บริษัท เนื่องจากยอดขายรถอีวีในสหรัฐชะลอตัว
ตอนนี้มีรายงานว่ายอดขายรถไฮบริดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเร็วกว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าถึง 5 เท่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยกตัวอย่างรถ Jeep Wrangler SUV รุ่นปลั๊กอินไฮบริด มียอดขายคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรถรุ่น Wrangler ของสหรัฐฯทั้งหมดในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 โดยเป็นการอ้างอิงจาก Stellantis บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษใหญ่อันดับ 4 ของโลก
สอดคล้องกับที่ Ford Motor ก็มีตัวเลขรายงานยอดขายรถไฮบริดเพิ่มขึ้นเกือบ 37% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ โดยได้อานิสงส์จากยอดขายรถปิคอัพรุ่น Maverick ตัวไฮบริด ซึ่ง จิม บอมบิค รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Ford กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ตอนนี้ทางโรงงานได้เพิ่มกำลังการผลิต Maverick ตัวรุ่นไฮบริด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ขณะที่ถ้าดูในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ทั้ง Toyota, Honda และ Ford คาดการณ์กำลังการผลิตรถยนต์ไฮบริดเพ่ิมขึ้นเป็น 20% ของการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กทั้งหมดภายในปี 2568 เทียบกับ 14% สำหรับรถอีวี
AutoForecast Solutions ระบุว่า แม้แนวโน้มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงในปีที่แล้ว แต่รถไฮบริดกลับมียอดเติบโตเพิ่มขึ้น
เทรนด์รถไฮบริดในสหรัฐ ยังมองผ่านมุมซัพพลายเออร์ได้ด้วย โดย Schaeffler บริษัทสัญชาติเยอรมันที่ตั้งโรงงานในสหรัฐ กำลังวางแผนลงทุนระยะยาวเพื่อขยายกำลังการผลิต โดยจะลงทุนมากถึง 230 ล้านดอลลาร์ในโรงงานแห่งใหม่ที่รัฐโอไฮโอ เพื่อเพิ่มการผลิตเพลาไฟฟ้าที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนไฮบริด ซึ่งปัจจุบัน Schaeffler เป็นผู้จัดหาส่วนประกอบสำคัญสำหรับระบบไฮบริดในรถปิคอัพ Ford F-150 ซึ่งทาง Ford มีแผนจะเพิ่มส่วนแบ่งการผลิตปิคอัพไฮบริดรุ่น F-150 เป็น 2 เท่า เพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขาย ทำให้บริษัทซัพพลายเออร์วางแผนจะลงทุนขยายโรงงานเพื่อผลิตชิ้นส่วนที่ใช้กับรถไฮบริดเพิ่ม
รอยเตอร์ยังรายงานด้วยว่า Toyota ซึ่งเป็นผู้นำตลาดรถไฮบริดในสหรัฐมานาน วางแผนที่เพิ่มจำนวนรุ่นรถไฮบริดและเพิ่มยอดขายโดยรวมของรถไฮบริดอย่างมีนัยยะสำคัญในปีนี้ ซึ่งรถซีดานรุ่นต่อไปของ Toyota ที่จะเปิดตัวในปีนี้ในสหรัฐ จะมีเฉพาะระบบส่งกำลังแบบไฮบริดเท่านั้น
ดูเหมือนเรื่องนี้ต้องจับตาดูว่าทิศทางตลาดรถในสหรัฐกำลังจะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไปสู่การใช้พลังงานไฮบริดมากกว่าอีวีหรือไม่ ถือเป็นเรื่องท้าทายนโยบายที่ต้องการสนับสนุนรถอีวีเพื่อตอบสนองการแก้ปัญหา Climate Change ที่รัฐบาลปัจจุบันและองค์กรสิ่งแวดล้อมต่างต้องการให้เลิกใช้รถเครื่องยนต์สันดาปโดยเร็วที่สุด
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ประเด็นการเมืองในสหรัฐก็อาจมีผล โดยมีการวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาสัญชาติสหรัฐ AlixPartners ที่บอกว่าเรื่องการส่งเสริมรถ EV ในสหรัฐอาจมีความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการอุดหนุนรถ EV รวมถึงกฎเกณฑ์การปล่อยมลพิษ
โดยที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ทุ่มงบประมาณไปกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ดูเหมือนรถยนต์ไฮบริดกำลังจะเป็นหนทางสร้างผลกำไรมากขึ้น ซึ่งต้องจับตาดูนโยบายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หากฝ่ายบริหาร(รัฐบาล) ในอนาคตเปลี่ยนแนวทางก็จะมีผลต่อทิศทาางการผลิตรถในสหรัฐด้วย
ตอนนี้เมื่อความไม่แน่นอนด้านนโยบายของรัฐบาลหน้ายังมีอยู่ ทำให้ผู้ผลิตเลือกผลิตรถไฮบริด เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงครั้งใหญ่หากรัฐบาลสหรัฐเปลี่ยนแปลงแนวทางบริหารในอนาคต (หลังเลือกตั้ง)