สหรัฐฯ ยืนยันพบเด็กติดเชื้อ ‘ฝีดาษลิง’ ครั้งแรกในประเทศ คาดเป็นการแพร่เชื้อในครอบครัว

หน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐฯ ยืนยันพบเด็กติดเชื้อฝีดาษลิง 2 รายแรกในประเทศ คาดเป็นการติดต่อภายในครอบครัว

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) แถลงเมื่อวันศุกร์ (22 ก.ค.) ต่อกรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงที่เป็นเด็กครั้งแรกในประเทศ รายหนึ่งเป็นเด็กวัยหัดเดินอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และอีกรายเป็นเด็กทารกซึ่งไม่ได้มีถิ่นพำนักอยู่ในสหรัฐฯ โดยผู้ป่วยเด็กทั้งสองรายมีประวัติการเดินทางไปกรุงวอชิงตัน แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ป่วยเด็กทั้งสองรายไม่มีอาการป่วยรุนแรง และขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของคณะแพทย์ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า ทั้งสองได้รับเชื้อจากการติดต่อภายในครอบครัว

ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการของ CDC ระบุว่า จากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วยเด็กทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับชายที่อยู่ในกลุ่มชายรักชาย ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรหลักที่พบการระบาดของโรคฝีดาษลิงอยู่ในปัจจุบัน

ทางด้าน ดร.เจนนิเฟอร์ แมคควิสตัน รองผู้อำนวยการแผนกโรคและพยาธิวิทยาที่มีผลกระทบสูงของ CDC ได้กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า การตรวจพบโรคฝีดาษลิงในเด็กครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และในปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ไวรัสนี้กำลังแพร่กระจายออกไปนอกชุมชนเกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน

ดร.แมคควิสตันเผยว่า 99% ของผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ตรวจพบในสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้ว 2,891 ราย ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน มีเพียงบางกรณีที่พบในผู้หญิงและผู้ชายข้ามเพศ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงทั่วโลกมากกว่า 14,000 รายในกว่า 60 ประเทศ และผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าวจำนวน 5 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในทวีปแอฟริกา

สำหรับกรณีการติดเชื้อฝีดาษลิงในเด็ก ก่อนหน้านี้มีรายงานจากเนเธอร์แลนด์ว่ามีเด็กอายุ 10 ปีถูกตรวจพบว่าติดเชื้อเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวมีรอยแผลซึ่งเกิดจากโรคทั่วร่างกายอยู่ประมาณ 20 รอย บริเวณใบหน้า แขนท่อนบน และต้นขา แต่ไม่มีอาการไข้หรือต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาการที่พบนี้ได้หายไปภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์