SHARE

คัดลอกแล้ว

ทำเนียบขาวชี้รัสเซียอาจเป็นผู้แนะนำอิหร่านให้ใช้กำลังสลายการชุมนุม ขณะผู้ประท้วงรวมตัวร่วมพิธีศพ ‘มาห์ซา อามินี’ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

สื่อต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ พบสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่า รัสเซียอาจเป็นผู้แนะนำให้อิหร่านใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนจริงยิงใส่พลเรือนที่มาร่วมพิธีศพของ มาห์ซา อามินี หญิงชาวเคิร์ดวัย 22 ปี ซึ่งเสียชีวิตหลังถูกตำรวจศีลธรรมจับกุม จนเป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงรุนแรงยืดเยื้อทั่วประเทศมานานกว่า 1 เดือน

คารีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า “เรากังวลว่ารัสเซียอาจให้คำแนะนำแก่อิหร่านถึงแนวทางจัดการผู้ประท้วง จากประสบการณ์ในการปราบปรามการประท้วงของพวกเขา มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนและโจ่งแจ้งว่าอิหร่านกำลังช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน และความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านก็มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นในขณะที่ทั้งสองประเทศโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น เราขอส่งสารที่ชัดเจนมากๆ ไปยังอิหร่านให้หยุดสังหารประชาชนของพวกคุณและหยุดส่งอาวุธช่วยรัสเซียสังหารชาวยูเครน”

การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอิหร่านออกมายอมรับว่า ตำรวจใช้อาวุธยิงใส่ประชาชนที่เดินทางมาไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของมาห์ซา อามินี ในเมืองซัคเคซ (Suqqez) เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 40 วันการเสียชีวิต และเป็นวันสุดท้ายของการไว้อาลัยตามธรรมเนียมท้องถิ่น โดยรัฐบาลอิหร่านระบุว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงต้องใช้กำลังเพื่อสกัดการจลาจล

นอกจากโฆษกทำเนียบขาวแล้ว จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) ของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาระบุถึงข้อสันนิษฐานดังกล่าวในระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แต่ทั้งสองไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของหลักฐานที่ระบุว่ารัสเซียให้คำแนะนำแก่อิหร่านตามข้อกล่าวอ้าง

สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมในอิหร่าน จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ แต่จากรายงานพบว่า มีผู้เดินทางไปร่วมไว้อาลัยมีจำนวนมากถึง 10,000 คน ยังไม่รวมพื้นที่อื่นๆ ของประเทศที่มีการรวมตัวเพื่อรำลึกถึงหญิงรายดังกล่าว จนมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่านต้องเสริมกำลังในหลายจุด รวมทั้งในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศ

ขณะที่หน่วยงานจับตาความรุนแรงของอิหร่านได้ออกมาเปิดเผยว่า ไม่สามารถระบุได้ว่า เหตุความรุนแรงครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตมากน้อยแค่ไหน แต่มีผู้บาดเจ็บแล้วราว 50 คน

 

ที่มา CNN, Reuters

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า