อุตตม แจงปม “ปล่อยกู้กรุงไทย” ยัน ไม่ผิด ถูกทำให้มัวหมอง

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ชี้แจงกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดคุณสมบัติ ขาดความเหมาะสม ในการดำรงตำแหน่งรมว.คลัง โดยยืนยันว่าตนเองมีคุณสมบัติครบถ้วน

ส่วนคดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ตนบริสุทธิ์ไม่ได้ร่วมกระทำผิด ผ่านการไต่สวนทุกขั้นตอนโดยองค์กรอิสระที่เป็นที่ยอมรับของประเทศ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) สำนักงานอัยการสูงสุด และท้ายที่สุดคือศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่วินิจฉัยว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดใดทั้งสิ้น ปรากฎพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ชัดเจนถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตนในขณะนั้น ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่าครบถ้วน พวกท่านคิดได้ว่าผมผิด ผมมัวหมอง แต่สุดท้ายสังคมจะเป็นคนตัดสินใจ

นายอุตตม ชี้แจงต่อว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 9 ธ.ค. 2546 มีการประชุมคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย เพื่ออนุมัติสินเชื่อ 9,900 ล้านบาท ในวันนั้นมีกรรมการ 2 คน คือ ตนกับนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ ได้ทักท้วงซักถาม และแสดงความไม่เห็นด้วยในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ แต่ทราบภายหลังว่ามีการปล่อยสินเชื่อนี้ออกไป ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ตั้งกรรมการสอบสวนในเชิงลึกเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อในครั้งนี้ ซึ่งตนก็ถูกตรวจสอบด้วย แต่ตนเป็นผู้เดินไปให้ผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบเอง ไม่ได้ถูกเรียก และพร้อมรับการตรวจสอบเต็มที่ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบและวินิจฉัยกล่าวโทษผู้กระทำผิดจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตนและชัยณรงค์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้กล่าวโทษ แต่ยังมีผู้พยายามบิดเบือนว่าตนเป็นคนเดียวที่หลุดลอดไม่ได้รับการกล่าวโทษ ทั้งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมติแล้วว่าตนไม่เกี่ยวข้อง

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า จากนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. แต่เกิดการรัฐประหารปี 2549 เรื่องจึงไปที่คตส. ซึ่งมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ไต่สวนเรื่องทุจริตปล่อยกู้ใหม่แต่ต้น และเรียกตนไปหลายครั้ง การถูกไต่สวนโดยคตส. เป็นความทุกข์จริงๆ เพราะตนถูกกล่าวหาด้วย เข้ากระบวนการไต่สวน แต่เมื่อไต่สวนแล้วคตส. มีมติว่าตนไม่ได้ร่วมกระทำความผิดมีมติให้ข้อกล่าวหาตนตกไป และคตส.ส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุด โดยตั้งคณะทำงานร่วมกันกับป.ป.ช.ว่าสำนวนเป็นอย่างไร และพยายามหาหลักฐานเพิ่มเติมว่าใครสมควรรับผิดหรือไม่ สุดท้ายมีมติเช่นเดียวกับคตส. ว่าตนไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เป็นผู้มีความบริสุทธิ์ ฉะนั้น พอมาถึงศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงไม่ปรากฎชื่อตน เพราะขั้นตอนกระบวนการุยติธรรมทั้งหมด ตนผ่านมาเหมือนทุกคนไม่มีอะไรพิเศษ ผ่านการพิสูจน์มาตลอด สุดท้ายศาลฎีกาฯ มีมติว่ามีผู้กระทำความผิดคือจำเลย 25 คน ให้ชดใช้ซึ่งไม่มีตนเป็นจำเลย เพราะตนไม่ได้ถูกฟ้องตั้งแต่ต้น

นายอุตตม กล่าวว่าฉะนั้น การที่มีความพยายามบิดเบือน สร้างความเข้าใจให้สังคมคลาดเคลื่อน ว่าตนได้รับการกันเป็นพยานนั้นจึงไม่จริง แต่ตนผ่านได้กระบวนการต่างๆเต็มที่ไม่ได้รับการกันมาเป็นพยานแต่อย่างใด

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย

ส่วนกรณีที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุว่ากรรมการบริหารต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในคำวินิจฉัยนั้น หมายถึงกรรมการบริหารที่ถูกฟ้อง 3 คน ในวันนั้นไม่ใช่ทุกคน ส่วนที่กล่าวหาว่าตนวิ่งเต้นมีผู้ใหญ่ช่วยเหลือนั้น จากที่เห็นรายชื่อองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ คิดว่าการวิ่งเต้นองค์กรเหล่านี้ทำได้อย่างนั้นหรือ อย่างไรก็ตาม แม้กระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้น ก็ยังมีคนพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง อ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ที่จะเอาผิดตนได้ ซึ่งปี 2560 มีคนพยายามยื่นป.ป.ช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บอกว่ามีหลักฐานใหม่ให้ตรวจสอบใหม่ ป.ป.ช.และดีเอสไอ มีมติว่าสิ่งที่ยื่นเป็นของเดิมทั้งสิ้น พยานหลักฐานเป็นของเดิมพิจาณาแล้วจึงมีมติให้คำร้องตกไปไม่รับพิจารณา

นายอุตตม ชี้แจงว่า ไม่ใช่การประชุมของคณะกรรมการบริหารเท่านั้น แต่ปรากฎว่ายังมีอีก 2 คดีที่เกี่ยวข้องด้วยแต่ไม่เกี่ยวข้องกับตน เพราะยังมีจำเลยที่ไม่เข้ากระบวนการยุติธรรมหลบหนีไปต่างประเทศ และเป็นคดีที่เกี่ยวกับฝ่ายตรวจสอบ ได้ชี้ว่ามีผู้ได้รับเงินทอนจากการปล่อยกู้ครั้งนี้ มีผู้เกี่ยวข้องจากภายนอกธนาคารที่ได้รับประโยชน์ที่ไม่สมควรได้รับ ซึ่งคดีนี้กำลังดำเนินการอยู่

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ท้ายสุดมีผู้กล่าวอ้างกรณีสินเชื่อธนาคารกรุงไทย ว่าจะกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรมว.คลัง เพราะมัวหมองขาดคุณสมบัติไม่น่าเชื่อถือ ตนหวังอย่างยิ่งว่าที่ตนชี้แจงจะสร้างความกระจ่างเรื่องทั้งหมดซึ่งได้ยุติไปแล้ว ทั้งหมดเป็นความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ตนทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่สมบูรณ์แล้วในขณะนั้น โดยไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลหรือผลกระทบใดๆ ตนยินดีให้ตรวจสอบเสมอ แต่ขอให้อย่าบิดเบือนเกินไป ยืนยันว่าในฐานะรมว.คลัง จะยึดมั่นในหลักการ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ คำนึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ จะไม่ให้คนไม่ดีคนใดมาทำลายประเทศเป็นอันขาด