Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สภากาชาดไทย ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อกล่าวหา ค้ากำไร วัคซีนโมเดอร์นา ยืนยัน ไม่ได้ขายต่อแสวงหากำไร เกินราคาที่องค์การเภสัชกรรมขายให้โดสละ 1,100 บาท พร้อมสรุป จัดหาวัคซีนโมเดอร์นาทั้งหมด 2 โครงการ รวม 2 ล้านโดส

1. สภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลที่มีรายได้เป็นเงินบริจาคจากพี่น้องประชาชนและได้รับเงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสภากาชาดไทยไม่ได้เป็นหน่วยงานภาครัฐโดยตรง

2. เดือนเมษายน 2564 ท่ามกลางสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่มีการระบาดรุนแรงมากขึ้น สภากาชาดไทยได้ริเริ่มจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชน โดยได้ติดต่อกับหน่วยงานกาชาดในต่างประเทศ และบริษัทผู้จำหน่ายวัคซีนเพื่อจัดหาหรือขอซื้อวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนตามภารกิจของสภากาชาดไทย

3. ผลการประสานงานกับบริษัทซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซื้อเป็นตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทย ได้ตกลงจะขายวัคซีนจำนวน 1 ล้านโดส ให้แก่สภากาชาดไทย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องซื้อผ่านหน่วยงานของรัฐ คือ องค์การเภสัชกรรม จึงจะขายให้ได้ เพราะเป็นนโยบายของบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา

4. องค์การเภสัชกรรมได้คิดราคาขายวัคซีนให้แก่สภากาชาดไทย จำนวน 1 ล้านโดส ในราคาโดสละ 1,100 บาท โดยสภากาชาดไทย ได้ใช้งบประมาณของสภากาชาดไทย ในการสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าว จำนวน 100,000 โดส เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย ไปบริการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า รวมทั้งได้เชิญชวนหน่วยงานทางการแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ จำนวน 12 แห่ง ร่วมซื้อด้วย รวมจำนวน 150,000 โดส

นอกจากนี้ สภากาชาดไทยได้เชิญชวนให้ อบจ. ทั้ง 76 จังหวัด มาร่วมกับสภากาชาดไทยในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัดโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งปรากฏว่า มี อบจ. จำนวน 38 จังหวัด แสดงความจำนงขอร่วมกับสภากาชาดไทย ในการซื้อวัคซีนจำนวน 750,000 โดส จากองค์การเภสัชกรรม ผ่านสภากาชาดไทย โดยไม่มี อบต. เข้าร่วมโครงการนี้

5 สภากาชาดไทย ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดหาวัคซีนให้หน่วยงานในสังกัดและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงเรียนแพทย์ และ อบจ. จำนวน 38 จังหวัด เพื่อนำวัคซีน รวม 1 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชน โดยไม่คิดมูลค่าเท่นั้น ไม่ได้เป็นการนำวัคซีนมาขายต่อ โดยเรียกเก็บเงินค่าวัคซีน Moderna เกินกว่าราคาโดสละ 1,100 บาท ที่ซื้อผ่านราคาที่สภากาชาดไทยซื้อได้จากองค์เภสัชกรรม

ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรม และบริษัทซิลลา ฟาร์มา จำกัด แจ้งว่า จะเริ่ม ทยอยส่งวัคซีนให้สภากาชาดไทยและหน่วยงานต่างๆ ได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

6 ในเดือน มิถุนายน 2564 ศูนย์บริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานด้านการแพทย์ ซึ่งรวมถึงสภากาชาดไทยด้วย ได้เร่งรัดจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง สภากาชาดไทย จึงมีหนังสือถึงรัฐบาลขอรับการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนให้แก่สภากาชาดไทย จำนวน 946 ล้านบาท เพื่อนำไปจองซื้อวัคซีนโมเดอร์นารุ่นใหม่ ในปี 2565 จำนวน 1 ล้านโดส โดยมีแผนดำเนินงานเพื่อนำวัคซีนมาให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย นำไปฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า

ดังนั้น การจัดหาวัคซีนของสภากาชาดไทย ทั้ง 2 โครงการ คือ

– โครงการแรก จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งใช้งบประมาณของสภากาชาดไทย หน่วยงานทางการแพทย์ และอบจ. ในการจัดซื้อวัคซีน ซึ่งจะเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนในปี 2564 เป็นต้นไป

– โครงการที่ 2 จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งใช้งบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลนั้น จะนำไปฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าในปี 2565

“จึงไม่ได้เป็นการนำวัคซีนดังกล่าวไปแสวงหากำไรด้วยการนำไปขายต่อให้แก่ อบจ. หรือองค์กรใดๆ ในราคาสูงกว่าต้นทุนที่สภากาชาดไทยจ่ายให้แก่องค์การเภสัชกรรมแต่อย่างใด”

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า จึงเห็นได้ว่า สภากาชาดไทยได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานและองค์การต่างๆ ในการจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชน โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

รวมทั้งสภากาชาดไทย ยังได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการใช้งบประมาณของสภากาชาดไทย ในการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ที่เรียกว่า ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทย ไปมอบให้กับประชาชนที่มีรายได้ไม่เพียงพอ และต้องกักตนเองที่บ้านพัก หรือที่ทางราชการจัดสถานที่ไว้ให้พักเป็นเวลา 14 วัน (Local and state quarantine) ตั้งแต่การระบาดรอบแรก เมื่อเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา ผ่านเหล่ากาชาดจังหวัดทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 250 ล้านบาทแล้ว

นอกจากนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา สภากาชาดไทย ยังได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันแห่งชาติ (สปสช.) หน่วยงานภาครัฐต่างๆ และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน จัดทำโครงการให้คำปรึกษาด้านการรักษาพยาบาลผ่านระบบโทรศัพท์ (telemedicine) ให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง ซึ่งพักอยู่ที่บ้าน (home isolation) รวมทั้งจัดบริการส่งยาฟาร์วิพิราเวียร์ และอาหารให้แก่ผู้ป่วยดังกล่าวแล้วไม่น้อยกว่า 16,000 ราย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า