ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อขยายผลคนแฮกระบบค่ายมือถือขายสิทธิคิวฉีดวัคซีน พบเจ้าหน้าที่อาสา แอบบันทึกข้อมูลผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน เรียกเก็บค่าหัว
วันที่ 29 ก.ค.2564 จากกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อว่ามีการแฮกระบบผ่านค่ายมือถือยี่ห้อหนึ่งที่เข้าร่วมในการลงทะเบียนบุคคลให้เข้ามารับวัคซีน และได้มีการนำโควต้าไปขายสิทธิ จากการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำดังกล่าวมาแล้ว 3 วัน วันละ 1,500 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามผู้ที่ซื้อสิทธิมาและมาใช้สิทธิฉีดวัคซีน สารภาพว่ามีการจ่ายค่าหัวสิทธิในการมาฉีดวัคซีนถึงหัวละ 500 – 1,000 บาท
ล่าสุด พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 7 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของทางศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อสังเกตพบความผิดปกติในการบันทึกข้อมูลของผู้รับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในระบบ ที่เข้ามามากผิดปกติ และบันทึกข้อมูลในช่วงเวลา 22.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ เจ้าหน้าที่เลิกงานหมดแล้ว
ในระยะหลังทางศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อไม่มีนัดฉีดวัคซีนแบบกลุ่มองค์กร ยกเว้นขององค์กรกระทรวงการต่างประเทศ ที่ขอให้ฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่กลับพบว่ามีการคีย์ข้อมูลของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข้ามาจำนวนมาก จึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา พบว่ามีการบันทึกข้อมูลของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน เข้ามามากถึง 2,000 คน ก็มีการหารือกันว่าจะยกเลิกนัดกลุ่มคนทั้งหมดนี้หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วจะใช้วิธีการตกเหยื่อล่อปลา ปล่อยให้ผู้ที่ลงทะเบียนมารับการฉีดวัคซีน แล้วทำการยกเลิกการฉีดวัคซีนไปประมาณ 800 คน ในจำนวนนี้ทำการสกรีนข้อมูลบุคคลแล้ว เหลือประมาณ 300 คนที่มีความผิดปกติ
เจ้าหน้าที่จึงประสาน ตำรวจ สน.นพวงศ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ เข้ามาทำการสอบสวน ซักถามข้อมูลจากบุคคลทั้ง 300 คน ให้การเบื้องต้นว่าได้ซื้อสิทธิ์มาเพื่อจะได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงขยายผลตรวจสอบ User ที่ใช้ในการคีย์ข้อมูล พบความผิดปกติ จำนวน 11 User ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่มาช่วยงานภายในศูนย์ฉีดวัคซีน จึงได้มอบหมายให้ทาง นิติกร ทำการแจ้งความดำเนินคดี กับกลุ่มขบวนการทั้งหมดแล้ว สำหรับบทลงโทษมีโทษจำคุก 3 – 10 ปี
นอกจากนี้ยังเร่งขยายผลว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมรู้เห็นหรือไม่ หากพบจะเข้าข่ายความผิด มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งผู้ที่ซื้อสิทธิ ถ้าให้ความร่วมมือ ให้ปากคำให้หลักฐานการโอน ติดต่อกับตัวกลางจะกันไว้เป็นพยานจะฉีดวัคซีนให้ แต่หากไม่ให้ความร่วมมือจะไม่ฉีดวัคซีน และถือว่าเป็นผู้ต้องหา