เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนไรเฟิลโจมตีใกล้กับโบสถ์ยิวกลางเมืองหลวงของออสเตรีย เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนคนร้ายเสียชีวิต 1 คน และมีอีกอย่างน้อย 1 คนกำลังหลบหนี ตำรวจเร่งไล่ล่าตัว
เกิดเหตุคนร้ายหลายคนใช้อาวุธปืนไรเฟิลโจมตี 6 จุดในกรุงเวียนนาของออสเตรีย รายงานล่าสุดระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้แล้ว 2 คน และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก บางส่วนบาดเจ็บสาหัส และมีตำรวจบาดเจ็บด้วย ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีออสเตรียระบุว่า มีคนร้ายเสียชีวิต 1 คน และตำรวจกำลังเร่งไล่ล่าผู้ก่อเหตุที่กำลังหลบหนีอีกอย่างน้อย 1 คน โดยแนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ (2 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับโบสถ์ยิวกลางเมืองหลวงของออสเตรีย ผู้อยู่ในจุดเกิดเหตุคนหนึ่งระบุว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้คนออกไปนั่งรับประทานอาหารตามร้านอาหารจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงก่อนที่รัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์รายนี้ระบุว่า ได้ยินเสียงปืนไม่ต่ำกว่า 100 นัด และมีลูกค้าร้านอาหารคนหนึ่งถูกยิงขณะนั่งรับประทานอาหารอยู่
จนถึงตอนนี้ทางการออสเตรียยังไม่ยืนยันถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุที่แน่ชัด แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดโจมตีผู้คนบริเวณโบสถ์ในเมืองนีซของฝรั่งเศสเมื่อปลายเดือนที่แล้ว จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และทำให้เริ่มเกิดความกังวลขึ้นมาว่า ยุโรปอาจเป็นเป้าหมายการก่อการร้ายอีกครั้ง
นายเซบาสเตียน เคิร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการก่อการร้ายที่น่ารังเกียจ เช่นเดียวกับผู้นำชาติยุโรปที่ออกมาประณามการโจมตีดังกล่าว โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า เป็นการโจมตีที่ทำให้เขารู้สึกช็อกอย่างยิ่ง ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสย้ำว่า ยุโรปต้องไม่ยอมแพ้ต่อการก่อการร้าย