SHARE

คัดลอกแล้ว

การฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 70 ของ ‘วิกรม กรมดิษฐ์’ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้สร้างความฮือฮาให้กับสังคมไทยไม่น้อยเลยทีเดียว หลังสร้างตำนานใหม่ด้วยการประกาศพินัยกรรมที่ระบุว่าจะยกทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทให้กับมูลนิธิอมตะเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะต่อไป

ทั้งนี้ วิกรม กรมดิษฐ์ เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) และประธานมูลนิธิอมตะการมอบทรัพย์สินดังกล่าวซึ่งคิดเป็น 95% ของทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดให้กับมูลนิธิอมตะ เป็นเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ที่จะส่งมอบความมั่นคงต่อการดำเนินงานของมูลนิธิอมตะอย่างไม่สิ้นสุด โดยทรัพย์สินส่วนตัวมีทั้ง ที่ดิน อาคารสิ่งก่อสร้าง หุ้น หรือแม้กระทั่งของสะสมอย่างรถหรูต่างๆ เป็นต้น

“อายุ 70 ปีแล้วสะท้อนว่าเราเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง และมองไปเมื่อวัยเด็กเราเคยลำบากแต่ไม่ใช่ยากจนนะ ครอบครัวเราเป็นนักธุรกิจตั้งแต่ปู่ทวด ร่ำรวยสุดในกาญจนบุรีแต่ถูกพ่อใช้งานหนักมาก ได้ทุนไปเรียนที่ไต้หวันกำลังจะต่อปริญญาโทวิศวกรรมอวกาศ ที่มหาวิทยาลัยโตรอนโต้ปี 1975 แต่ไม่มีทุนเรียนต้องกลับมาหาเงิน

“เราจึงคิดว่าถ้าเราได้ดิบได้ดี เราจะนำมาแบ่งปัน ผมจึงตั้งมูลนิธิอมตะขึ้นมาเมื่อ 27 ปีก่อนโดยใช้เงินส่วนตัว 100% เพราะกำหนดเรื่องที่อยากจะทำได้ และที่สำคัญการทำธุรกิจที่ผ่านมาเงินที่ได้มาจากแผ่นดินนี้ สังคมนี้ จึงต้องคืนกลับไป จึงทำพินัยกรรมมอบให้กับมูลนิธิอมตะ และถ้าเสียชีวิตก็จะโอนทั้ง 100% ให้มูลนิธิทั้งหมด” วิกรมกล่าวถึงที่มาของเจตนารมณ์ในการมอบทรัพย์สิน

สำหรับประเด็นที่ว่าทำไมถึงยกทรัพย์สินให้สาธารณะแทนครอบครัว วิกรมยืนยันว่าพี่น้องของเขาล้วนมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่พอสมควรแล้ว และเชื่อมั่นว่าน้องทุกคนเป็นคนดี เรียนเก่ง มีความสามารถ และที่สำคัญหากแบ่งให้ครอบครัวอาจเกิดความไม่เท่าเทียม ทำให้มีปัญหากัน กลายเป็นว่าเอายาพิษให้เขา แต่ให้ครอบครัวมาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารมูลนิธิอมตะ

สำหรับมูลนิธิอมตะได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2539  โดยมีโครงการภายใต้วัตถุประสงค์ เช่น โครงการรางวัล นักเขียนอมตะ, โครงการทุนเรียนดี, โครงการประกวดศิลปกรรม อมตะ อาร์ต อวอร์ด, โครงการด้านนวัตกรรม, โครงการหนังสือดีมีประโยชน์สร้างการเปลี่ยนแปลง และโครงการปรับปรุงอุทยานเขาใหญ่สู่อุทยานมาตรฐานโลกภายในเวลา 10 ปี  ฯลฯ

ภารกิจของ ‘วิกรม กรมดิษฐ์’ ที่หลากหลายทั้งผู้บริหารอมตะ การทำงานเพื่อสังคม รวมไปถึงในฐานะนักเขียน ทำให้เขามีฐานแฟนคลับทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะการเขียนหนังสือที่ได้นำประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาเรียบเรียง จนเผยแพร่ไปแล้วกว่า 11.6 ล้านเล่ม และยังคงจะเขียนต่อไปเพื่อให้สังคมสามารถเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ได้ในโอกาสต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามความตั้งใจ หลังจากที่ได้เรียนรู้ ฝึกฝนชีวิตกับวิกฤตต่างๆ จนขับเคลื่อนให้ธุรกิจกลุ่มอมตะประสบความสำเร็จในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองนวัตกรรมเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ด้วยแนวคิดที่ว่า “เราเกิดมาจากศูนย์และจากไปเป็นศูนย์ ระหว่างศูนย์เราควรสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์และคุณค่าฝากไว้ให้กับสังคมในระยะยาวตลอดไป”

สำหรับอนาคตอมตะนั้น วิกรมฉายภาพว่า โครงการใหญ่ที่อมตะซิตี้ ชลบุรี กำลังทำอยู่ คือ การสร้างเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) ที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาเป็นเมืองใหม่ เป็นชุมชนใหญ่ที่มีครบครันทั้งโรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ระบบสาธารณสุขที่ดี ฯลฯ เพื่อเป็นแนวทางให้กับสังคม พร้อมกับส่งเสริมเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าการบริหารอมตะต้องเรียนรู้แบบของโลกที่มั่นคง แต่ใช้ฐานแบบไทย ใช้การผสมผสาน จึงจะได้บริษัทที่มีวัฒนธรรมไทย และมีอนาคตแบบอินเตอร์

“ในวัย 70 ปีนี้ อมตะนครต้องหาคนมาตัดเค้ก ในที่นี้คือหาคนมาแบ่งงาน ตอนนี้กำลังจัดการแก้ไขผังการทำงาน แบ่งงานออกไป และสุดท้ายต้องหาพาร์ทเนอร์มาบริหาร ดูในบอร์ดเรามีคนเก่งเยอะ ส่วนเราก็จะถอยออกมาเป็นที่ปรึกษา ใช้ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ที่เราสั่งสมมา ช่วยเป็นกองหลังจาก Operator เป็น Advisor แทน เพราะธุรกิจหากผูกติดกับใครคนหนึ่งมันเสี่ยง เราจึงควรให้องค์กรเป็นเวทีให้คนเก่งเข้ามาทำ ทำไมต้องบล็อกคนไม่กี่คนในตระกูลกรมดิษฐ์ ทำไมไม่เอาคนเก่งมาเป็น CEO โดยเราไม่ยึดติด

และแนวทางต่อไป เราจะหาพาร์ทเนอร์ดีๆ เปิดให้มืออาชีพมาร่วมงาน ส่วนคนในครอบครัวเข้าไปอยู่ในบอร์ด เอาประสบการณ์ที่มีไปแนะนำ เติมเสริมให้กับคนทำงาน ตรงนี้จะทำให้องค์กรของเราสมบูรณ์ขึ้น ไม่ยึดติดกับคำว่าครอบครัว นี่คือระบบของอมตะในอนาคต” วิกรมกล่าวย้ำ

เหนือสิ่งอื่นใดการตัดสินใจมอบทรัพย์สินส่วนตัวครั้งนี้ วิกรม กรมดิษฐ์ คาดหวังว่าจะเป็นแนวทางให้กับคนรวยในสังคมไทยดำเนินรอยตาม เพราะได้เห็นตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ที่บริจาคการกุศลอย่างมาก

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า