ออกหมายจับ “ไวพจน์” ล้มประชุมอาเซียน ศาลไม่รับข้ออ้างติดประชุมสภา

วันที่ 3 ธ.ค. ศาลจังหวัดพัทยานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องแกนนำ นปช. รวม 18 คน เป็นจำเลย กรณีร่วมกันชุมนุมบุกล้มการประชุมอาเซียน เมื่อปี 2552
.
โดยวันนี้เป็นคดีในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ, นายสำเริง ประจำเรือและนายวรชัย เหมะ ซึ่งทั้ง 3 คนยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพ จากการขึ้นศาลครั้งก่อนเมื่อ 31 ต.ค. และศาลนัดมาฟังคำสั่งในวันนี้ ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งว่า การที่จำเลยมายื่นในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม จึงยกคำร้องจำเลย

พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์

ส่วนการที่วันนี้ พ.ต.ท.ไวพจน์ ไม่ได้เดินทางมาเองและให้ผู้รับมอบอำนาจและทนายความเลื่อนขอฟังคำพิพากษา โดยระบุว่าอยู่ระหว่างการประชุมสภา แต่ศาลเห็นว่าแม้จำเลยจะเป็น ส.ส.แต่คดีนี้เสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 125 และลักษณะการขอเลื่อนคดีเป็นการประวิงเวลา จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยให้ปรับนายประกัน เต็มตามสัญญาประกัน และให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ เพื่อมาคำพิพากษาเป็น 15 ม.ค. 2563
.
ส่วนนายสำเริงและนายวรชัย ศาลสั่งจำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปที่เรือนจำพิเศษพัทยา

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่เดินทางมาให้กำลังใจ กล่าวหลัง คำพิพากษาว่า แม้จะขาดอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาวันนี้ แต่ผลก็ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้คงจะมีพี่น้องที่เยังไม่เข้ารับโทษ ทยอยกันมาจนครบถ้วน ผลในวันนี้เป็นเรื่องที่อธิบายได้อย่างครบถ้วนแล้ว ว่าเหมือนคำพิพากษาที่ได้อ่านไปครั้งแรกทุกประการ

“พวกเราก็น้อมรับชะตากรรม น้อมรับคำพิพากษาของศาลอยู่แล้ว ในแต่ละคนช่วงระหว่างยื่นฎีกาก็ได้ติดคุกกันมาบ้างแล้วครบทุกคนประมาณคนละ 5 เดือนเศษๆ ก็มีโทษเหลืออยู่ 3 ปีเศษๆ ก็เป็นเรื่องชะตากรรม”

แกนนำนปช. ที่พัทยา 2552

คดีนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลย 12 คน โดยสั่งจำคุก 4 ปีไม่รอลงอาญา ก่อนหน้านี้ มีจำเลย 5 คนมาฟังคำพากษาและอยู่ในเรือนจำแล้ว คือ นายศักดา นพสิทธิ์ ,นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง ,นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายนพพร นามเชียงใต้

เหลือจำเลยอีก 4 คน ที่ถูกออกหมายจับ คือ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายธนกฤต หรือ วันชนะ เกิดดี, นพ.วัลลภ ยังตรง และนายนิสิต สินธุไพร