นิพิฏฐ์ ชี้ถ้าอัยการไม่ฟ้อง ‘วรยุทธ’ ญาติ ตร.ที่ถูกชนตาย อาจต้องจ่ายค่าซ่อมรถ

ส่วนหนึ่งของเอกสารระบุถึงการสอบสวนพยานเพิ่มเติม 2 คน เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 โดยทั้งคู่อ้างว่าขับรถตามหลังในช่วงเกิดเหตุการณ์ โดยพบว่า ด.ต. วิเชียร ขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม. ต่อชม.อยู่ในเลนที่ 1 แล้วเปลี่ยนเลนกระทันหัน ผ่านหน้ารถพยานคนหนึ่งในเลนที่ 2 จนต้องหักหลบ และรถจักรยานยนต์ ข้ามไปยังเลนที่ 3 ที่ นายวรยุทธ ขับมาด้วยความเร็ว ไม่เกิน 80 กม. ต่อชม. จนเกิดชนท้ายและ ด.ต.วิเชียรถึงแก่ความตาย

เหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ใช่ความประมาทปราศจากความระมัดระวังของนายวรยุทธ แต่เกิดจากความประมาทของ ด.ต.วิเชียร จึงมีผลในการสั่งไม่ฟ้อง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากอัยการสูงสุดในเรื่องนี้

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะนักกฎหมาย แสดงความเห็นว่า การที่อัยการไม่ฟ้อง ก็หมายความว่า ตำรวจที่เสียชีวิตเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว เพราะหาก “ประมาทร่วม” ก็ต้องฟ้องทั้ง 2 คน สำหรับคนที่ตายไปแล้วคดีก็ระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิด ส่วนคนที่ประมาทอีกคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตก็ต้องนำตัวมาฟ้อง

หากตำรวจที่ตายเป็นฝ่ายประมาทเพียงฝ่ายเดียว ก็อาจจะมีผู้ไปยื่นร้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ขอให้ทบทวนสิทธิในทางแพ่งบางเรื่อง จากคำสั่งของอัยการ ผลก็จะออกมาว่า

1.รถจักรยานยนต์ที่ตำรวจขับเป็นของหลวงหรือของส่วนตัว หากเป็นของหลวงทายาทของตำรวจที่เสียชีวิตก็อาจต้องจ่ายค่าซ่อมหรือราคารถให้ สตช.

2.ทายาทของตำรวจที่เสียชีวิตอาจต้องจ่ายค่าซ่อมรถให้คู่กรณีด้วย เพราะผู้ตายประมาททำให้รถเขาพัง

3.อาจต้องดูลึกลงไปอีกว่า สิทธิที่ทายาทของผู้ตายได้รับไปจากทางราชการหากกลายเป็นว่าผู้ตายเป็นฝ่ายประมาท อาจต้องคืนสิทธิที่ทายาทได้ผู้รับไปจากทางราชการด้วยหรือเปล่า

“ทั้งหมดนี่ ผมไม่พูดเรื่องอายุความนะครับ เพราะซับซ้อนไป คำสั่งไม่ฟ้องของอัยการผมว่า ทำให้ทายาทตำรวจที่เสียชีวิตนอนไม่หลับไปเหมือนกันนะ มันจึงเหมือนการติดกระดุมเม็ดแรกผิดล่ะครับ ไม่มีทางที่เม็ดสุดท้ายมันจะถูกไปได้”