SHARE

คัดลอกแล้ว

อดีตเลขานุการ กมธ.สนช.ปี 2557 ชุดน้องบิ๊กป้อม ที่เคยรับเรื่องร้องเรียนจาก บอส วรยุทธ อยู่วิทยา ชี้แจง กมธ.แค่ศึกษาและส่งข้อมูลต่อให้อัยการไม่ได้ชี้นำ กดดัน และไม่ได้ตัดสินคดี เผยกรณีสำคัญตำรวจระบุคำนวณความเร็วรถเฟอร์รารี่ผิด จากไม่เกิน 80 กม.ต่อชม. เป็น 177 กม.ต่อชม. กมธ.จึงประสานขอนักวิชาการคนกลางมาช่วยวัด พบเร็วแค่ 79 กม.จริง จึงเสนอต่ออัยการไปตามนั้น

วันที่ 29 ก.ค. 2563 ที่รัฐสภา นายธานี อ่อนละเอียด อดีตกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2557 ชุดที่มี พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน แถลงข่าว กรณีการตรวจสอบเรื่องที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา เคยมายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.

นายธานี กล่าวว่า นายวรยุทธ ได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด เนื่องจากสำนวนชั้นต้นระบุเรื่องความเร็วของรถไว้อีกอย่างหนึ่ง ต่อมามีการสั่งให้ไปสอบเพิ่มเติมแต่อัยการที่สั่งให้สอบเกษียณอายุราชการ ท่านใหม่มารับหน้าที่ต่อแล้วสั่งยุติ เขาจึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและร้องมาที่กรรมาธิการ โดยมอบให้ทนายความร้องเรื่องนี้เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2559

ศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนได้ส่งต่อมาให้ กมธ.การกฎหมายศึกษาเสาะหาข้อเท็จจริง ได้นำเรื่องเข้าพิจารณาเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2559 และเห็นว่าเข้ากรอบการพิจารณาจึงรับเรื่องไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กมธ.ได้เชิญบุคคลต่างๆ ตามที่หนังสือร้องเรียนระบุมา ทั้งพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ 2 คน พยานแวดล้อม 2 คน และพนักงานสอบสวน เมื่อ กมธ.รวบรวมพยานหลักฐานพอแล้ว มีประเด็นว่าต้องหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมายืนยัน กมธ.จึงส่งหนังสือไปถึงอธิการบดี ม.พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ขอให้ส่งนักวิชาการมา 1 ท่าน และได้มีการส่ง รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ซึ่งเป็นนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับ มาศึกษาเรื่องนี้ และมีการทำรายงานสรุปมาเป็นเล่ม

เมื่อ กมธ.ได้ข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดจากการเสาะหาข้อเท็จจริง ก็พิจารณา และมีมติให้ส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ อัยการสูงสุด อธิบดีอัยการ ให้เขาไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กมธ.และสนช.ไม่มีอำนาจในการสั่งการก้าวล่วงได้ และไม่มีหน้าที่วินิจฉัยผิดถูก เพียงรวบรวมว่าพยานบุคคลให้การว่าอย่างไร อย่างรายงานของ ดร.สายประสิทธิ์ เราก็ส่งต่อโดยไม่ได้ทำความเห็นไป

หากพนักงานอัยการพิจารณาแล้ว มีความเห็นประการใด เขาต้องสั่งให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม และใช้ดุลพินิจในการสั่งการ

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น เมื่อเป็นคนในองค์กรตำรวจด้วยกันถึงแก่กรรมจึงต้องเร่งพิจารณาคดี แต่ต่อมาตำรวจที่เป็นพนักงานตรวจพิสูจน์เบื้องต้นที่ระบุว่า นายวรยุทธขับรถด้วยความเร็ว 177 กม.ต่อชม. ได้ไปทำรายงานใหม่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาว่าคำนวณระยะทางผิดพลาด เมื่อไปวัดใหม่ไม่ตรงกับที่ให้ข่าวครั้งแรก แต่สื่อก็ไปพิพากษาแล้ว แล้วก็กระหน่ำกันใหญ่ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเข้ามาชี้แจงต่อ กมธ.

ในชั้น กมธ. เรามีการเชิญ พ.ต.ท. ที่ทำคดีมาหลายพันคดี สอบยืนยันพบว่าความเร็วไม่น่าเกินกว่า 80 กม.ต่อ ชม. โดยเมื่อคำนวณทางฟิสิกส์ ปรากฎว่า พนักงานที่ตรวจพิสูจน์เบื้องตนคลาดเคลื่อน จากความเร็ว 177 กม.ต่อ ชม.เหลือแค่ 70 กว่า ซึ่งก็ตรงกับที่เชอญ ดร.สายประสิทธิ์ มาศึกษาเราก็ทำรายงานเสนอไปตามนี้ให้หน่วยงานเขาพิจารณาต่อ

“วิทยาศาสตร์นี่น่าเชื่อถือที่สุด พยานบุคคลยังกลับไปกลับมา ถ้าสื่อยังสงสัยต้องหาข้อมูลในส่วนนี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนว่าวิธีการสอบหาข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยไม่ใช่จินตนาการหรือมโนเอาเอง การกระทำความผิดมันไม่เลือกวัย มันไม่เลือกความจนความรวย ทุกคนมีโอกาสทำความผิดกันหมด แต่ข้อเท็จจริงถ้าพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ มันต้องเป็นอย่างนั้น และศาลจะเชื่อถือข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าพยานบุคคล”

เมื่อถามถึง กรณีมีการวิจารณ์ว่า การมายื่นเรื่องต่อ กมธ. เป็นการประวิงเวลา นายธานี กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินคดีอัยการก็ว่าไปตามกรอบกฎหมาย ส่วนที่มายื่น กมธ. เราไม่ได้สนใจว่าคดีถึงไหนรู้เพียงแต่ว่าเรื่องยังไม่ถึงศาล เราดำเนินไปตามอำนาจหน้าที่ พนักงานอัยการไม่จำเป็นต้องมารอผลสอบของเรา

ส่วนที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร หนึ่งใน กมธ.ให้สัมภาษณ์ว่า มีการตีตกเรื่องนี้ไปแล้ว ท่านอาจจะเข้าใจผิด และ กมธ.แต่ละท่านมีงานเยอะ แต่ตนเป็นเลขานุการคณะนี้ตนอยู่ตลอด เพราะต้องรับผิดชอบทั้งหมด

เมื่อถามถึงเรื่องการพยายามโยงให้เป็นเรื่องการเมืองเนื่องจาก กมธ.ชุดนี้มีน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ 2 คน คือ พ.ร.อ.ศิษฐวัชร ที่เป็นประธาน และ พล.ต.อ.พัชรวาท อดีต ผบ.ตร.เป็น กมธ.ด้วย นายธานี ตอบว่า คงจะเป็นอย่างนั้น แต่ประธานเองไม่ได้มีอำนาจอะไร เป็นเรื่องของ กมธ.ที่ไปดำเนินการ เป็นเพียงการรวบรวมข้อเท็จจริงส่งอัยการ จะไปก้าวล่วงอัยการได้อย่างไร ไปผูกโยงนามสกุลนี้ผิดหมดไม่ใช่ ไม่เป็นธรรม

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า