‘ปดิพัทธ์’ ลาออกจาก กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล หลังได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

‘พิธา’ น้อมนำพระราชดำรัส ‘ชาติ-ประชาชน’ สำคัญสูงสุดบริหารราชการแผ่นดิน ควง ‘หมออ๋อง’ ขอบคุณผลโหวตนั่งรองประธานสภาฯ โชว์ 3 เสียงข้ามขั้วโผล่หนุน มั่นใจแนวโน้มที่ดีสู่การจัดตั้งรัฐบาล ยัน ‘นิรโทษกรรม’ ก้าวไกล-เพื่อไทย เห็นชอบร่วมกัน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. พิษณุโลก ในฐานะว่าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ร่วมแถลงข่าวว่า ผลการเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน น่าจะเป็นการยืนยันการทำงานร่วมกันของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ในการรวบรวมเสียงไม่ให้แตกแถวและมีเอกภาพในการโหวต

กรณีของ นายปดิพัทธ์ จะเห็นว่า มีการโหวตแข่งตัวเลขที่ออกมา 312 เสียง จะมีในส่วนของ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ชั่วคราวที่ไม่ได้ออกเสียง มีส่วนของพรรคก้าวไกลที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปและมีสมาชิกจากพรรคร่วมอีก 1 คน ที่ไม่ได้มาประชุม

เพราะฉะนั้นตัวเลขที่ออกมาแสดงถึงเอกภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกเราและมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะเป็นทิศทางที่ดีว่า สิ่งที่เราได้แถลงข่าว 2-3 ครั้งที่ผ่านมาของ 8 พรรค สามารถที่จะผลักดันข้อตกลงร่วมกันได้และเป็นแนวโน้มที่ดีในการเข้าสู่การจัดตั้งรัฐบาล

นายพิธา ยืนยันกับพี่น้องประชาชน ทั้งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ รวมถึงรองประธานสภาฯ อีก 2 คน จะร่วมกันผลักดันกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับพี่น้องแรงงาน พี่น้องชาติพันธุ์ กฎหมายสุราก้าวหน้า หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะไม่เป็นปัญหาอุปสรรค ยืนยันว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการผลักดันกฎหมายสำคัญตามที่ได้แถลงทั้งการนิรโทษกรรมคดีความทางการเมือง และการปฏิรูปกองทัพตามที่ได้แถลงไปแล้ว

เมื่อถามว่า ผลที่ออกมามีการตั้งข้อสังเกตไปที่คะแนนของนายปดิพัทธ์ ที่มีคะแนนเกินมาจากฝั่งตรงข้าม นายพิธา กล่าวว่า อย่างที่เรียนคือ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ที่ทำหน้าที่ประธานสภาชั่วคราวที่ไม่ได้ออกเสียง มีสมาชิกส่วนของพรรคก้าวไกลที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ไป และมีสมาชิกจากพรรคร่วมอีก 1 คน ที่ไม่ได้มาประชุม นอกจากนี้ยังมีบัตรเสีย 2 ใบตรงนี้ก็พอจะอนุมานได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคและว่าที่นายกฯ จะน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปรับใช้กับพรรคหรือไปใช้กับสมาชิกพรรคหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า “จะนำพระราชดำรัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติและประชาชน ที่ท่านเน้นมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินครับ”

เมื่อถามว่า มั่นใจตัวเองในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่าจะมีบรรยากาศความสำเร็จแบบในวันนี้ที่เลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ 2 คน นายพิธา ตอบว่า “ก็มั่นใจ”

เมื่อถามถึงข้อตกลงร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 ที่มีเรื่องเกี่ยวกับนิรโทษกรรม นายพิธา กล่าวว่า เป็นการเห็นชอบร่วมกันของ 2 พรรค ส่วนเรื่องรายละเอียดคงต้องคุยกันในสภาฯ ทั้งนี้ได้ชี้แจงให้อีก 6 พรรครับทราบแล้ว

ขณะที่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ได้ลาออกจากการทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความสนใจ เพราะถ้าเราได้ติดตามจะเห็นว่าการเลือกตั้งประธานสภาฯ จะเป็นความหนักอกหนักใจของพี่น้องประชาชนที่ต้องการความชัดเจน แต่ปรากฏว่าวันนี้สามารถผ่านไปด้วยความเรียบร้อย คะแนนเสียงที่ตนได้รับ แม้จะมีผู้ถูกเสนอชื่อ แต่ก็เป็นบรรยากาศของการแข่งขันจนกระทั่งได้รับความไว้วางใจ

ทั้งนี้ยืนยันว่า คณะทำงานทั้งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ก็มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะดำเนินการอะไรอย่างไรเพื่อให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส และเป็นของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ตนได้คุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาฯ ก็เห็นตรงกันในหลายมิติเพื่อผลักดันการทำงานต่อไป ส่วนวาระที่เตรียมจะผลักดันหลังจากนี้ คงต้องรอให้ได้รับการจัดสรรหน้าที่จากประธานสภาฯ ก่อน

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่เรื่องการพิจารณากฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม นายปดิพัทธ์ เชื่อว่าเมื่อมีการผลักดันกฎหมายเข้าสู่วาระ คำวินิจฉัยของประธานสภาฯ จะต้องไม่เป็นอุปสรรคในการบรรจุญัตติทุกญัตติ ฉะนั้นถ้าผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ตนได้เคยแจ้งไปแล้วว่า เมื่อกระบวนการถูกต้องก็ต้องใช้กระบวนการของสภาฯ ในการวินิจฉัย