SHARE

คัดลอกแล้ว

ประธานรัฐสภา ชี้แจงการทำหน้าที่โหวตนายกรอบ 2 รับประธานสามารถชี้ขาดได้ แต่มีคนฟ้องได้ ไม่ใช่ไม่กล้า แต่วินิจฉัยแล้วว่าไม่มีข้อมูลจะชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงให้ที่ประชุมตัดสิน ไม่ท้อใจ ไม่กลัวทัวร์ลง ยืนยันเป็นกลางและทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา แถลงยืนยันในการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตามข้อบังคับและความเป็นกลาง ส่วนที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นไม่พอใจและวิจารณ์การทำหน้านี้นั้น

ตนยอมรับว่าในการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มักจะมีความเห็นที่เห็นต่างและเห็นด้วยเกิดขึ้นได้ ซึ่งตนไม่หนักใจหรือท้อถอย ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลเตรียมพิจารณายื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการลงมติของรัฐสภา เมื่อวันที่19 ก.ค. ที่เสียงข้างมาก 395 เสียง เห็นชอบกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 คัดค้านการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้โหวตเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำอีก หลังจากครั้งแรกรัฐสภาตีตกไปแล้วนั้น เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไรหรือมีผลผูกพันกับรัฐสภาอย่างไร ต้องรอคำวินิจฉัย

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวยืนยันว่า ในวันที่ 19 ก.ค.นั้น ตนทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้นั่งฟังการอภิปราย 6-7 ชั่วโมง ไม่พบว่า มีใครที่เสนอให้เห็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะเป็นเหตุที่ประธานสามารถใช้อำนาจวินิจฉัยได้ ซึ่งเมื่อไม่มีใครชี้ให้เห็นเหตุที่เปลี่ยนแปลงไป ตนไม่สามารถใช้อำนาจของประธานรัฐสภาดำเนินการได้ เพราะไม่เป็นไปตามข้อบังคับ

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ก่อนการประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รอบที่สอง เมื่อวันที่ 19 ก.ค.นั้น ตนได้เตรียมความพร้อมโดยให้ฝ่ายกฎหมายของประธานรัฐสภา พิจารณาข้อบังคับรัฐสภา ข้อ 41 ตามที่มีความเห็นถกเถียง ซึ่งฝ่ายกฎหมายมีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย ที่ระบุว่าใช้ข้อบังคับ ข้อ41 ได้ และอีกฝั่งมองว่าไ ม่ควรใช้เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นบทกำหนดที่เฉพาะในรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายได้ลงมติพบมติ 8 ต่อ 2 โดย 8 เสียงที่เห็นว่าใช้ข้อบังคับข้อ41 ได้ ส่วนอีก 2 เสียงเห็นว่าไม่ควรใช้ จากนั้นจึงได้นำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม วิป 3 ฝ่าย ซึ่งไม่มีความเห็นสรุป จนต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งในการประชุมมีผู้เสนอให้ใช้แนวทางของข้อบังคับ ข้อ151 ที่ต้องโหวตด้วยเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา

“ส่วนที่สังคมวิจารณ์ผมนั้นผมไม่กลัวทัวร์ลง เพราะทำหน้าที่เป็นกลางที่สุด ถูกต้องตามข้อบังคับ และทำหน้าที่เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ส่วนที่จะมีข้อตำหนินั้น ผมพร้อมยอมรับคำตำหนิ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ประธานรัฐสภา กล่าวด้วยว่า ตนได้ออกหนังสือนัดประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี รอบ3 ในวันที่ 27 ก.ค. 66 แล้ว และเตรียมนัดประชุมวิป 3 ฝ่าย เวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันนั้นในฐานะประธานรัฐสภาสามารถชี้ขาดได้โดยไม่ต้องโหวตใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ตอบว่า “ชี้ขาดได้ แต่มีคนฟ้องได้”

เมื่อถามต่อว่า ถึงไม่กล้าจะชี้ขาดใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ตอบทันทีว่า “ไม่ใช่ไม่กล้า” และได้กล่าวต่อว่า

“ก็วินิจฉัยแล้วว่าไม่มีข้อมูลที่จะชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งได้ เป็นเรื่องความขัดแย้งข้อบังคับ เมื่อขัดแย้งข้อบังคับ ข้อบังคับของสภาฯ 151 เปิดโอกาสแล้วว่าให้ตีความไง ผมไม่ได้ขี้ขาดหรือไม่ชี้ขาด รัฐสภาซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดฝ่ายนิติบัญญัติ มีบทบัญญัติ มีข้อบังคับว่า ถ้าขัดแย้งด้วยข้อบังคับให้ตีความไง การที่รัฐสภาตีความมันดีกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะชี้ถูกไหม”

ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันพร้อมทำหน้าที่ต่อไป “ยกไหนๆ ผมไม่มีวันที่จะท้อใจ เมื่อรับหน้าที่แล้วต้องทำให้ดีที่สุด”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า