ครูพี่แอน Perfect English จากเด็กเกรด 2 ภาษาอังกฤษ สู่ Guru English ผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน

“ภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่โอกาส แต่ภาษาอังกฤษสามารถเปลี่ยนชีวิตได้”

ระหว่างการพูดคุยกับครูพี่แอน-วรินธร เอื้อวศินธร เจ้าของเพจ Perfect English กับครูพี่แอน และมีโซเชียลมีเดียอื่นๆ หลากหลายช่องทางที่มีผู้ติดตามรวมกันกว่า 3 ล้านคน และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังน้องแบม เจ้าของคลิปไวรัลนับเลขโด่งดังที่ฝรั่งยังนำไปทำ Challenge หรือน้องนุ่น ฮะสะมะฮ้าย ดาว TikTok ที่ Speak English ไฟแลบ ทำรายได้ให้ตัวเองตั้งแต่เรียนอยู่ปี 1 เดือนละหลักแสนบาทจากการที่พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ หรือแม้กระทั่งที่เคยมีไวรัลสาวโรงงานท่านหนึ่งโดนบุลลี่เรื่องอาชีพของเธอไม่เหมาะกับการพูดภาษาอังกฤษ จนทำให้เธอต้องทำคลิปโต้ตอบ แล้วรัวภาษาอังกฤษไม่ยั้ง โด่งดังชั่วข้ามคืน และหัวหน้าเสนอให้เธอไปทำงานออฟฟิศแทนงานในโรงงาน 

@barbiebombam_

ตอบกลับ @chanthala49 มีผิดถูกติติงกันได้น๊าาา #ยัยย์แบม #fyp #cover #songs

♬ obsessed South E san guys – ยัยย์แบม

ประโยคข้างต้นของครูพี่แอน เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอล้วนๆ เพราะด้วยฐานะทางบ้านไม่ดีเท่าไหร่นัก ไปจนถึงเกือบจะโดนยึดบ้านเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะชีวิตมี Passion กับภาษาอังกฤษ จึงทำให้เธอเปลี่ยนชีวิตได้ด้วยตัวของเธอเอง

ตกหลุมรักภาษาอังกฤษ เพราะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ครูพี่แอนเล่าว่า เธอเรียนโรงเรียนไทย หลักสูตรไทยปกติ แล้วก็รู้สึกอยู่เสมอว่า การเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียน เป็นการเรียนแบบท่องจำ ไม่ใช่การเรียนแบบเน้นความเข้าใจ ยกตัวอย่างเรื่อง 12 Tense ที่ต้องเรียน คือ 1 เทอม เรียน 2 Tense เทอมถัดไปเรียนอีก 2 Tense ทำให้ลืมว่าเทอมที่แล้วเราเรียนเรื่องอะไรไป และยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า Tense คืออะไร ทำไมถึงต้องเรียน

“ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราตกหลุมรักการเรียนภาษาอังกฤษ ก็คือการที่เราเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยซ้ำค่ะ เป็นการเรียนนอกชั้นเรียนที่จริงๆ แล้วได้อิทธิพลมาจากพี่ชาย เขาชอบฟังพวก M2M, Backstreet Boys เราก็เริ่มร้องตาม และด้วยความที่ตัวเราเองชอบร้องเพลงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าแปลว่าอะไรหรือร้องถูกหรือเปล่า”

“ทีนี้ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว เริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เราร้องแปลว่าอะไร จึงเริ่มจากการศึกษาด้วยตัวเองว่าเพลงต้องการจะสื่ออะไร ความหมายเป็นอย่างไร ทำไม MV เพลงนี้เศร้า อ๋อ! เพราะเขากำลังพูดถึงความรักที่ไม่สมหวัง ก็เลยทำให้เราเกิด Passion กับการที่อยากจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มเติมด้วยตัวเอง อีกนิสัยก็คือชอบพูดคนเดียวตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนอกห้องเรียนมันก็ทำให้เราเอาภาษาอังกฤษมาอยู่ในชีวิตด้วยการพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ  ถามว่าแล้วไป Copy ประโยคมาจากไหนล่ะ ก็จากการดูหนังฝรั่ง”

บ้านไม่มีกำลังทรัพย์ เครื่องมือในการฝึกภาษาอังกฤษต้องใช้ให้คุ้มที่สุด

“ด้วยความที่เราเป็นคนชอบแอคติ้ง ชอบออกสีหน้า พอดูหนังฝรั่งก็รู้สึกว่าถูกจริตค่ะ จะชอบออกเสียงตามตัวละคร วันนี้เราจะเป็นนางเอก วันนี้เราจะเป็นตัวร้ายในละครนะ แล้วหนังเรื่องเดิมครูพี่แอนก็ดูซ้ำๆ เพราะว่าสมัยก่อนไม่มี Netflix เวลาเช่าหนังมาดูสักเรื่อง ก็ต้องดูให้คุ้มที่สุดเพราะว่า สมัยก่อนครูแอนเกิดมาจากบ้านที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้มีกำลังทรัพย์ค่ะ ดังนั้นเช่าหนังเรื่องหนึ่งครูแอนก็อยากดูให้คุ้มที่สุด ดู 10-20 รอบต่อการเช่าหนึ่งครั้ง ก็เลยทำให้เราจำได้หมดว่าตัวละครพูดว่าอะไรบ้าง เราก็ได้เรียนรู้คำศัพท์จากตัวละครพูดคำๆ นั้นออกมา เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมดเลยค่ะ”

หลังจากที่ค้นพบแล้วว่าเธอตกหลุมรักภาษาอังกฤษจนถอนตัวไม่ขึ้น ตอนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้สอบชิงทุนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา 1 ปี เธอเล่าว่า นั่นคือประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตเธอ

ตกผลึกทางภาษา รู้ปัญหาทำไมเด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษทั้งชีวิตแต่ยังวิ่งหนีฝรั่ง!

“ครูพี่แอนโชคดีมากๆ ค่ะ ที่ไปอยู่ในจุดที่ไม่มีคนไทยเลย ไปอยู่ในชนบทจริงๆ แล้วโรงเรียนไม่มีคนเอเชียเลย ทำให้เราไม่มีพวก ไม่มีเพื่อน จึงเป็นตัวกระตุ้นให้เราต้องหน้าด้าน ทุกอย่างต้องพูด ทุกอย่างต้องขอ ต้องกล้า ไม่กล้าก็คืออดตาย ก็มีโอกาสได้ไปอยู่เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ประสบการณ์ที่กลับมาล้นหลามมากๆ”

“ช่วงที่ครูพี่แอนไปอยู่อเมริกาเป็นตัวจุดประกายกับครูพี่แอนหลายอย่างเลยนะคะ หลักๆ คือตอนเรียนอยู่ไทย คุณครูที่โรงเรียนชมว่าฉันเก่งภาษาอังกฤษนะ พูดได้คล่องเหลือเกิน แต่ทำไมพอไปลงสนามจริง ฉันกลับเป็นตัวอ่อนด๋อยไปเลย คือฟังเขาไม่รู้เรื่อง หรือฉันพูดอะไรออกไปทำไมเขาถึงฟังฉันไม่รู้เรื่อง ทำให้ครูพี่แอนมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เอ๊ะ! แล้วเพราะอะไรทำไมเราฟังเขาไม่รู้เรื่อง”

“อย่างแรกเลย เขาพูดเร็ว เขาไม่ได้พูดแบบ Text book English แต่พูดเป็น Real Life English ยกตัวอย่าง เช่น เราเรียนในตำราเรียน คุณครูจะสอนว่า ฉันเดินมา ภาษาอังกฤษจะพูดว่า I came by foot แต่เวลาไปถึงต่างประเทศจริงๆ เขาพูดคำว่า I walk here (พูดเร็ว) จึงทำให้เราจุดประกายว่านี่แหละคือปัญหาหลักของคนไทยเลยนะ ก็คือเรียนภาษาอังกฤษแบบ Text book English แต่ไม่ใช่ Real Life English

“เรื่องที่สองก็คือเรื่องของการออกเสียงค่ะ เราเรียนกันมา I’m fine thank you and you? I want to go tomorrow. แต่ถึงเวลาไปคุยกับฝรั่งจริงๆ จะเป็น I wanna go. (พูดเร็ว) เป็นการออกเสียงฉบับย่อ กระชับ ฉบับสั้น

“เรื่องที่สามก็คือ ทำไมเราพูดภาษาอังกฤษออกไปแล้วฝรั่งเขาฟังเราไม่รู้เรื่อง ก็คือการที่เราออกเสียงมาผิดตั้งแต่สมัยเด็กๆ เช่น ในตำราเรียนเขาบอกว่าตัว R คือเสียง ร.เรือ ตัว Th คือเสียง ธ.ธง แต่ถึงเวลาพูดจริงๆ มันไม่ใช่ค่ะ ตัว R มันเป็นเสียงที่มันไม่มีในภาษาไทย คือตัวเรอะๆ ที่มันไม่มีในภาษาไทย หรือแม้แต่ตัว Th ไม่ใช่ ธ.ธง แต่เป็นเสียง เสอะๆ ที่คนไทยไม่พูดกัน”

“ถือเป็นการจุดประกายจริงๆ ว่า ฉันรู้แล้วว่าปัญหาของคนไทยคือการที่เราไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษฉบับใช้จริง แต่เราเรียนแบบ Text book English เพื่อสอบแล้วก็ลืม ไม่แปลกใจเลยที่เด็กไทยได้เกรด 4 ภาษาอังกฤษก็จริง แต่พอถึงเวลาเจอฝรั่งเข้ามาถามทางแล้วยังคงต้องวิ่งหนี หรือว่ายังคงต้องอวัจนภาษา (สื่อสารโดยไม่ใช้ถ้อยคำ) ไม่มั่นใจ เรียกได้ว่าจุดนี้จุดประกายให้เราเปิดเพจขึ้นมาด้วยซ้ำ”

หลังจากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศอยู่หนึ่งปี ครูพี่แอนก็กลับมาเรียนที่ประเทศไทย สอบเข้าคณะและมหาวิทยาลัยในฝันได้สำเร็จ โดยเธอแอบกระซิบว่า ใช้คะแนนภาษาอังกฤษเป็นตัวแบกล้วนๆ

นอกจากนี้ระหว่างเรียน ครูพี่แอนหารายได้พิเศษเพื่อส่งตัวเองเรียน โดยการรับสอนภาษาอังกฤษตามบ้าน ไม่ว่าจะต้องบุกป่าฝ่าดงไปไกลแค่ไหน เธอก็ไป ทำให้ได้เธอนักเรียนหลากหลายรูปแบบ และจุดนี้ยิ่งทำให้เข้าใจถึงปัญหาเชิงลึกที่นักเรียนแต่ละคนเจอเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง เธอถึงกับบอกว่า

“ถ้าไม่มีพวกเขา ครูพี่แอนก็อาจจะไม่ใช่ครูสอนภาษาอังกฤษที่เข้าถึง และเน้นความเข้าใจของนักเรียนมากกว่าการท่องจำ แบบในทุกวันนี้ก็ได้”

เปิดคลาสสอนภาษาอังกฤษ พบปัญหาที่พาให้ต่อยอด

เมื่อเรียนจบครูพี่แอนเปิดคลาสสอนภาษาอังกฤษบริเวณ BTS กับ MRT เป็นการสอนสดในห้องเรียน แต่แล้วก็พบกับปัญหาหลายอย่าง ซึ่งปัญหานี้ ทำให้เธอได้เติบโตมากกว่าเดิมชนิดที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว

“ความท้าทายที่เจอในตอนนั้นคือ รับจำนวนนักเรียนได้จำกัดต่อหนึ่งคลาส ทำให้มีนักเรียนที่หลุดจากการดูแลของเราไป เราไม่สามารถเปิดรับเขาได้ หรือนักเรียนบางคนน่าสงสารมาก ต้องเดินทางมาจากกาญจนบุรี นั่งรถตู้ 2-3 ชั่วโมงเพื่อที่จะมาเรียนกับเราตอนเช้าแล้วก็ต้องกลับตอนเย็น จริงๆ เราเห็นปัญหาของนักเรียนเหล่านี้ก็เลยเป็นการจุดประกายอีก ให้ครูพี่แอนทำคลาสออนไลน์ขึ้นมาค่ะ เพราะว่าเราอยากที่จะเปิดลคาสที่เข้าถึงนักเรียนทุกคนได้จริงๆ ก็เลยเป็นจุดที่เราปรับมาเป็นการสอนออนไลน์”

ฝ่าอุปสรรคจากออฟไลน์สู่โลกการสอนออนไลน์ ในยุคที่คนไม่อินกับโลกเสมือน

เมื่อครูพี่แอนก้าวมาในโลกของออนไลน์ในยุคที่ผู้คนไม่ไว้วางใจในโลกเสมือนนี้เอาเสียเลย เธอเล่าความท้าทายในมุมนี้ว่า

“การทำคลาสออนไลน์ สมัยก่อนคนยังไม่ยอมรับ และเทคโนโลยีก็ยังไม่ได้เข้าถึงทุกหย่อมหญ้า ก็จะมีคนตั้งคำถามเยอะมากว่า เรียนออนไลน์ ดีจริงๆ หรือ จะเข้าใจหรือ แล้วคุณสอนอย่างไร ถ้ามีคำถามจะถามตรงไหน คือเราเจอความท้าทายจากนักเรียนเยอะมากๆ ซึ่งตรงนั้นถือเป็นจุดที่ดีค่ะ เพราะว่าทุกคำถาม ทุกความไม่เชื่อของนักเรียน ทำให้เรานำจุดๆ นั้นมาพัฒนาธุรกิจของเรา ว่าสิ่งที่เขาไม่เชื่อ สิ่งที่เขาตั้งคำถาม สิ่งที่เขากังวล เหล่านี้คือ Pain Point ของพวกเขาที่เราในฐานะเจ้าของธุรกิจ หรือเราในฐานะครูผู้สอนต้องแก้ให้หมด”

“ดังนั้นการปรับหลักสูตรต้องปรับใหม่ ตั้งแต่ Presentation ในการสอน เพราะเวลาเราสอนในคลาสนักเรียนเห็นเราเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เรามองหน้าเขาทีหนึ่งเขาก็ไม่เบื่อแล้ว เขาตื่นตัว แต่พอสอนออนไลน์ที่เราไม่เห็นนักเรียนแต่ นักเรียนเห็นเราจากจอ ความ Active ของเราต้องเยอะ น้ำเสียงของเราต้องเปลี่ยนไป เลือกใช้น้ำเสียงขึ้นลง ต้องรู้จังหวะว่า เรื่องนี้ที่เรากำลังสอนเป็นเรื่องยาก ดังนั้นต้องมีจังหวะ Pause จังหวะให้กำลังใจ จังหวะกระตุ้นนักเรียนว่า ‘ทุกคนหยุด! ทุกคนตั้งใจฟังนะ! เรื่องนี้สำคัญมากๆ ขอแค่ 3 นาทีให้ครูพี่แอน แล้วเดี๋ยวหนูจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองไปตลอดกาลเลยลูก’ มันต้องมีวิธีการโน้มน้าวที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วก็มีโปรแกรมแชท ตั้งทีมตรวจการบ้าน ช่วยตอบข้อสงสัยของนักเรียนด้วยค่ะ เราต้องปรับตัวเยอะมาก เพื่อทำให้การสอนออนไลน์ของเราออกมา Perfect ที่สุด ตอบโจทย์นักเรียนมากที่สุด”

ถอดหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เน้นความเข้าใจ ทำให้เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษคล่อง 

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ว่าครูพี่แอนคือเบื้องหลังความสำเร็จของเด็กไทยที่ไม่มีพื้นฐานการพูดภาษาอังกฤษเสียด้วยซ้ำ เมื่อได้เรียนด้วยความเข้าใจกลับช่วยให้ผู้เรียนได้เปลี่ยนชีวิตกันมานับไม่ถ้วน และด้วยความสงสัยของผู้เขียน ว่าครูพี่แอนมีเคล็ดลับอะไรจึงทำให้เด็กไทยมีความกล้า และพูดภาษาอังกฤษเหมือนกับได้ไปเรียนที่ต่างประเทศเสียอย่างนั้น ครูพี่แอนเฉลยให้ฟังว่า

“ต้องบอกก่อนเลยว่าครูพี่แอนก็จะมีการอ้างอิงการสอนจากหลักสูตรของ ESL ด้วยนะคะ ซึ่ง ESL คือหลักสูตร English as a Second Language เป็นภาษาอังกฤษที่เอาไว้สอนคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองโดยเฉพาะ นั่นก็คือคนไทย และเราไม่ได้แค่อ้างอิงจากหลักสูตรที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้นนะคะ แต่ว่าเรายังนำประสบการณ์ของตัวเองมาผสมผสานไปด้วย ทำให้ลงตัวมากๆ”

“นอกจากนี้ครูพี่แอนยังชอบสอนนอกตำรา รวมถึงเรื่องของการแปล จะไม่ใช่แค่สอนแล้วแปลให้ฟังเพื่อให้นักเรียนจำค่ะ แต่เราจะชอบสอนและยกตัวอย่างสถานการณ์ให้ดู และพูดถึงระดับภาษา ว่าประโยคนี้ระดับของมันคือระดับไหน ทางการมาก ทางการน้อย ใช้กับเพื่อน ใช้กับการทำงาน ใช้กับหัวหน้า ใช้กับลูกค้าที่สำคัญคือ จะแปลแบบละเอียดให้นักเรียนฟังจริงๆ ว่า ที่มาที่ไปของประโยคนี้เป็นอย่างไร เช่น คำว่า You shouldn’t have แปลว่าขอบคุณมากๆ ถ้าแปลแค่นี้เด็กไทยก็จะไม่เข้าใจ ว่าทำไม You shouldn’t have ถึงแปลว่าขอบคุณมาก ครูพี่แอนก็จะแปลเจาะให้ฟังว่า You shouldn’t have เริ่มจากการแปลตรงตัวกันนะคะ ก็จะแปลว่า ไม่ควรเลยนะ ไม่ต้องเลยนะ หลังจากแปลตรงตัวแล้วก็จะบอกถึงที่มาที่ไปที่แปลว่าแปลว่าขอบคุณ เช่น มีให้ของเรา แล้วเป็นของที่มีคุณค่ามาก จนเราเกรงใจสุดๆ  ในภาษาไทยเราก็จะพูดว่า ไม่ต้องให้ขนาดนี้ก็ได้ เกรงใจ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็คือการขอบคุณในเชิงที่ว่าเราเกรงใจเขามากๆ นั่นเอง”

ความเข้าใจนำไปสู่ความกล้าและความมั่นใจที่จะใช้ภาษาอังกฤษ

“ครูพี่แอนคิดว่านี่น่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้นักเรียนของเราเข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่เขากำลังเรียนอยู่คืออะไร ใช้อย่างไร พอเขาเข้าใจ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือความมั่นใจ เพราะเมื่อเข้าใจก็ไม่ต้องท่องจำทำให้เกิดเป็นความมั่นใจ พอมั่นใจสิ่งที่เกิดต่อไปก็คือความกล้า กล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษ”

“ฉะนั้นสังเกตได้ว่า นักเรียนส่วนใหญ่ของครูพี่แอนเมื่อเรียนจบ จะเกิดความกล้า ต้องบอกว่าความกล้าคืออันดับหนึ่งที่เราจะเห็นในตัวนักเรียน อย่างน้องนุ่นฮะสะมะฮ้าย น้องแบม น้องกิ๊กอินเมกา ลูกศิษย์ทั้งหลายที่มีชื่อเสียงอยู่ในโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งได้ออกข่าว ทำไมอยู่ๆ เขาถึงกลายเป็นคนดัง เพราะเขากล้าที่จะทำคลิปพูดภาษาอังกฤษจนกลายเป็นไวรัลนั่นเองค่ะ”

“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ครูพี่แอนจะบอกนักเรียนเสมอว่า ลูกๆ เข้าใจไหมว่า ความกล้าไม่ได้เกิดมาได้ในชั่วข้ามคืน ไม่ใช่ว่าวันนี้เธอตื่นมา โอ้! ฉันกล้าแล้ว ฉันจะพูดภาษาอังกฤษ ไม่มีทางเป็นไปได้ ความกล้าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณมีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งๆ หนึ่ง คุณถึงจะกล้า เมื่อคุณกล้าคุณก็จะมั่นใจ และสามารถนำไปใช้ได้จริง”

พัฒนาภาษาอังกฤษได้ไว หัวใจสำคัญคือการล็อกเป้าหมาย

นอกจากเรื่องของการสอนอย่างเข้าใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ครูพี่แอนเล่าไว้ว่า หากต้องการพูดภาษาอังกฤษได้ หัวใจสำคัญนั่นคือ เป้าหมายต้องชัดเจน

“ครูพี่แอนเชื่อว่าทุกคนอยากเก่งภาษาอังกฤษ และทุกคนรู้ถ้าภาษาอังกฤษพูดได้เป็นเรื่องที่ดี ทุกคนรู้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มี เป้าหมายชัดเจน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน วันหนึ่งคุณเริ่มหมดไฟ ยิ่งคุณไม่มีเป้าหมาย คุณก็จะเลิกเรียน ดังนั้นครูพี่แอนจะบอกนักเรียนตลอดว่า ลูกจ๋า ถ้าลูกอยากเก่งภาษาอังกฤษ หนูอย่าตั้งเป้าหมายแค่ว่าฉันอยากเก่งเพราะว่าฉันอยากรวย ไม่ใช่ค่ะ ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าอยากเก่งภาษาอังกฤษเพราะ ข้อแรกฉันอยากจะทำงานนี้ ใส่ชื่องานที่อยากทำ รวมถึงตำแหน่ง และงานนี้จะเปลี่ยนชีวิตฉันอย่างไร ฉันสามารถที่จะซื้อบ้านใหม่ได้ภายในระยะเวลากี่ปี ถ้าได้ทำงานนี้ พ่อแม่ของฉันจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง ต้องเขียนให้ละเอียดที่สุดค่ะ ถ้าเราล็อกเป้าหมายอย่างละเอียดแล้ว วันไหนที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วหมดไฟ ให้กลับมาอ่านเป้าหมาย คุณจะมีกำลังใจลุกขึ้นสู้ที่จะฝึกฝนอีกครั้งค่ะ”

“นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่อยากบอกกับผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษก็คือ ให้เซ็ตระบบการเรียนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง อย่าทำตามคนอื่น หรือฟังคนอื่นมาบอกว่าฝึกช่วงเวลานี้จึงจะดี หรือควรฝึกกี่ชั่วโมง วิธีของคนอื่นไม่ได้เหมาะกับชีวิตของเราค่ะ ให้ทำตามวิถีชีวิตของเราเอง เพราะมนุษย์เราไม่มีทางฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองได้นาน ตราบใดก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าฝืน สุดท้ายคุณจะเลิกทำ”

แผนการขยายตลาดภาษาอังกฤษ ยกระดับขั้นกว่าด้วย Learnlingo พูดภาษาอังกฤษได้ใน 21 วัน

ครูพี่แอนเล่าถึงการขยายตลาดภาษาอังกฤษ ด้วยกลยุทธ์ไม่ยึดติดที่ตัวบุคคล อย่างเช่นจะต้องลงเรียนคอร์สกับครูพี่แอนไปตลอด ทำ Personal Branding น้อยลง แต่จะเข้มข้นกับการเพิ่มภาษาอื่นๆ เข้ามา และฝั่งของภาษาอังกฤษจัดตั้ง     

“สถาบัน Learnlingo ซึ่งเป็นสถาบันสอนภาษาโดยครูต่างชาติ ที่จะให้นักเรียนได้เรียนสดออนไลน์แบบถามตอบได้ทันที ครูต่างชาติก็จะมีทั้ง Native และ Non-Native รวมถึงจะมี 21 Day Challenge พูดภาษาอังกฤษได้ใน 21 วัน แต่หากผู้เรียนไม่ได้อยากทำ Challenge ก็จะมีในส่วนของคอร์สบุฟเฟต์ เรียนตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำกัดระยะเวลาค่ะ”

“สำหรับโปรแกรมนี้ ทางเราออกแบบมารองรับนักเรียนที่ภาษาอังกฤษคล่องแล้ว แต่ไม่มั่นใจในการสื่อสารเมื่อต้องพูดกับชาวต่างชาติจริงๆ การที่เขามาลองเรียนกับครูต่างชาติ จะทำให้ในอนาคตเมื่อเขาต้องคุยกับฝรั่ง เขาจะเลิกกลัว และมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ

ความสำเร็จในฐานะของ CEO และครูผู้ส่งไม้ต่อภาษาอังกฤษ ที่ช่วยพลิกชีวิตใครหลายๆ คนได้

“ถามว่าเราอยากเติบโตไหม แน่นอนค่ะ ทุกธุรกิจต้องคำนึงถึงเรื่องผลกำไร ค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่สุดท้ายแล้วในความเป็นครูถ้าเรามัวแต่พะวงเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจมากเกินไป จะทำให้เราหลุดโฟกัสในเรื่องของจากความตั้งใจแรก ที่ต้องการให้คนไทยได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง นำไปใช้ได้จริง เราต้องยืนหยัดในเรื่องของ Customer Centric ไปตลอดกาล ลูกศิษย์ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ”

“ครูพี่แอนอยากเห็นลูกศิษย์ทุกคนที่มาอยู่ครอบครัวเดียวกัน ประสบความสำเร็จในรูปแบบของเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดัง ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดีย ขอแค่เขาทำตามความฝันของเขาให้เกิดขึ้นจริงได้ จากการเรียนคอร์สของเรา แค่นั้นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับครูคนหนึ่ง แล้วก็สำหรับ CEO คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของบริษัทแห่งการเรียนรู้ออนไลน์ค่ะ”