Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อพูดถึง ‘อินเตอร์เน็ต’ ทุกคนจะนึกถึงเครือข่ายที่ทำให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกสามารถเชื่อมโยงถึงกัน สื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้

ในอดีตการใช้อินเตอร์เน็ตยุคแรก (ช่วงปี 1990 – 2000) ส่วนใหญ่ยังใช้เพื่อการอ่านข้อมูล ยุคนี้จะเรียกว่า Web 1.0 แต่ก็เริ่มมีการคุยกันผ่านอีเมลและแชท แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตค่อนข้างช้า ทำให้มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อและโหลดข้อมูลอยู่มาก

จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการใช้อินเตอร์เน็ต คือการพัฒนาจากยุค Web 1.0 มาเป็น Web 2.0 (ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา) เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เน้นไปที่ความสามารถในการโต้ตอบของผู้ใช้งานและการสร้างเนื้อหาที่มากขึ้น

โดย Web 2.0 จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงความคิดเห็น โพสต์รูปภาพ และวิดีโอ หรือแม้แต่สร้างชุมชนออนไลน์ของตนเองได้ ตัวอย่างเช่น Facebook, YouTube, และ Twitter ที่เราเล่นกันอยู่ในทุกวันนี้

และสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรม ตัวอย่างเช่น Google Docs และ Gmail ที่ให้บริการบนเบราว์เซอร์ ซึ่ง Web 2.0 ก็คือลักษณะอินเตอร์เน็ตที่เรานิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง

ทั้งนี้ แม้ว่าเราจะยังอยู่ในยุคของ Web 2.0 แต่หลายคนก็จะเริ่มได้ยินการพูดถึง Web 3.0 มากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน หรือจะพูดว่าเรากำลังก้าวไปสู่การพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตอีกครั้งโดยหลายคนมองว่า Web 3.0 จะกลายเป็นอนาคตของโลกอินเตอร์เน็ตที่ไร้ข้อจำกัดมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงจาก Web 2.0 มาเป็น Web 3.0 เกิดขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดหลายด้านที่พบใน Web 2.0 รวมถึงความต้องการในการพัฒนาการใช้อินเทอร์เน็ตที่ควรปลอดภัยและโปร่งใส

โดย Web 3.0 ได้ถูกเปลี่ยนแนวคิดไปเป็นการกระจายศูนย์ ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาองค์กรหรือเซิร์ฟเวอร์กลางแบบ Web 2.0 แต่ใช้เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer) ที่ทำให้การกระจายข้อมูลและการควบคุมสามารถแบ่งปันกันได้ในหมู่ผู้ใช้งาน

และยังช่วยให้ผู้ใช้มีความเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเองผ่านการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ที่ช่วยให้การควบคุมและการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างโปร่งใสและปลอดภัย ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ว่าใครจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนได้บ้าง

ที่สำคัญปัจจุบันมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์มีเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยของการใช้อินเตอร์เน็ตจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ระบบของ Web 3.0 ที่ใช้บล็อกเชนซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่โปร่งใส ทำให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมและข้อมูลที่ถูกบันทึกได้ ลดปัญหาการทุจริตและการโกงได้ด้วย

ซึ่งการใช้ Web 3.0 ได้เริ่มขึ้นแล้วในบางส่วนและกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การใช้งานอย่างเต็มรูปแบบของ Web 3.0 ในวงกว้างคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า แต่จะขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การยอมรับของผู้ใช้ การพัฒนาของกฎหมายและนโยบาย ตลอดจนความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการใช้งานใหม่ๆ นี้ด้วย

แต่อนาคตของ Web 3.0 จะเป็นอย่างไร เมื่อไหร่ที่ผู้ใช้งานทุกคนจะพร้อมกระโดดไปสู่ Web 3.0 รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่รออยู่ในระยะข้างหน้าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากของทั้งผู้พัฒนาและผู้ใช้งานเอง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า